Shopping cart

กรมอุตุฯ เตือน! รับมือน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

สารบัญ

อัปเดตล่าสุด: 16 กันยายน 2568, 13:56 น.

จากประกาศล่าสุด กรมอุตุฯ เตือน! รับมือน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่าน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงจึงควรติดตามข่าวสารและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

สรุปสถานการณ์และประเด็นสำคัญ

สถานการณ์ฝนตกหนักในหลายภูมิภาคของประเทศไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกประกาศเตือนภัยในระดับสูงสุด การทำความเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์จะช่วยให้สามารถวางแผนและเตรียมการรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา: มีการแจ้งเตือนฝนตกหนักถึงหนักมากครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
  • ปัจจัยทางสภาพอากาศ: สาเหตุหลักเกิดจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ร่วมกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น
  • ความเสี่ยงหลัก: มีโอกาสสูงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้แหล่งน้ำ
  • แนวทางปฏิบัติ: เน้นย้ำให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ และเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย ทั้งการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง การสำรองอาหารและน้ำดื่ม และการวางแผนอพยพหากจำเป็น

เจาะลึกสถานการณ์และพื้นที่เสี่ยงภัย

การเฝ้าระวังและทำความเข้าใจถึงปัจจัยทางภูมิอากาศที่เป็นต้นเหตุของฝนตกหนัก รวมถึงการรับทราบว่าพื้นที่ใดมีความเสี่ยงสูงสุด ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในครั้งนี้

สาเหตุของฝนตกหนัก: อิทธิพลจากร่องมรสุม

ปรากฏการณ์ฝนตกหนักที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีปัจจัยหลักมาจากสภาวะอากาศที่ซับซ้อน ร่องมรสุม (Monsoon Trough) ซึ่งเป็นแนวความกดอากาศต่ำได้พาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยอย่างชัดเจน ร่องมรสุมนี้ทำหน้าที่เหมือนแม่เหล็กดึงดูดความชื้นในบรรยากาศให้มารวมตัวกัน ก่อให้เกิดเมฆฝนขนาดใหญ่และมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูง

นอกจากนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest Monsoon) ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ก็มีกำลังแรงขึ้นเช่นกัน ลมมรสุมนี้ได้พัดพาความชื้นปริมาณมหาศาลจากทะเลเข้าสู่แผ่นดิน เมื่อความชื้นเหล่านี้มาปะทะกับแนวร่องมรสุม จึงเกิดการยกตัวของอากาศอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นฝนตกหนักถึงหนักมากในบริเวณกว้าง การทำงานร่วมกันของสองปัจจัยนี้จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายพื้นที่มีปริมาณฝนสะสมเกินกว่าระดับปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยอย่างมีนัยสำคัญ

รายชื่อจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

จากข้อมูลพยากรณ์อากาศและการประเมินสถานการณ์ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ระบุพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและเสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลากเป็นพิเศษ โดยแบ่งตามภูมิภาคดังนี้:

  • ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก, และกำแพงเพชร พื้นที่เหล่านี้มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสูงและที่ลาดชัน ทำให้เมื่อมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ดินจะอุ้มน้ำไม่ไหวและอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำด้านล่างได้อย่างรวดเร็ว
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย, หนองคาย, บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม, ชัยภูมิ และขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์และมีแม่น้ำสายหลักหลายสายไหลผ่าน มีความเสี่ยงต่อน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนริมน้ำ
  • ภาคกลางและภาคตะวันออก: รวมถึงจังหวัดกาญจนบุรี, ราชบุรี, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, จันทบุรี และตราด พื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงจากน้ำป่าที่ไหลหลากจากทิวเขา และน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเมืองและนิคมอุตสาหกรรม
  • ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก): จังหวัดระนอง, พังงา, และภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้โดยตรง จะมีฝนตกชุกและคลื่นลมแรงต่อเนื่อง อาจเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ชายฝั่งและดินโคลนถล่มในบริเวณเนินเขาได้

แนวทางการเตรียมความพร้อมและรับมืออย่างถูกวิธี

แนวทางการเตรียมความพร้อมและรับมืออย่างถูกวิธี

การเตรียมการที่ดีเป็นหัวใจสำคัญในการลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมอนามัย จะช่วยให้สามารถผ่านสถานการณ์วิกฤตไปได้อย่างปลอดภัย

การเตรียมพร้อมล่วงหน้าเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติ การตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงและปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด สามารถช่วยรักษาชีวิตและลดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล

การเตรียมตัวก่อนเกิดภัย

การเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะวิกฤตเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้:

  1. ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด: รับฟังประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานราชการที่เชื่อถือได้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หรือแอปพลิเคชันแจ้งเตือนภัย เพื่อประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ของตนเอง
  2. จัดเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน: เตรียมกระเป๋ายังชีพที่พร้อมหยิบฉวยได้ทันที ภายในควรประกอบด้วย อาหารแห้ง, น้ำดื่ม, ยารักษาโรคประจำตัว, ไฟฉายพร้อมถ่านสำรอง, โทรศัพท์มือถือและพาวเวอร์แบงก์, นกหวีด, และสำเนาเอกสารสำคัญ (บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน) ที่เก็บในถุงพลาสติกกันน้ำ
  3. ย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง: ขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และทรัพย์สินมีค่าขึ้นไปไว้บนชั้นสองของบ้านหรือบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง เพื่อป้องกันความเสียหาย
  4. ตรวจสอบสภาพบ้านและบริเวณโดยรอบ: ตรวจสอบความแข็งแรงของตัวบ้าน กำจัดขยะหรือสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ เช่น ท่อระบายน้ำหรือรางน้ำฝน เพื่อให้น้ำสามารถไหลผ่านได้สะดวก ลดปัญหาน้ำท่วมขัง
  5. วางแผนเส้นทางอพยพ: ศึกษาและกำหนดเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือบ้านญาติที่อยู่ในพื้นที่สูง แจ้งแผนดังกล่าวให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนทราบ

ข้อควรปฏิบัติขณะเกิดเหตุการณ์

เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมได้เริ่มขึ้นแล้ว การตั้งสติและปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด:

  • อพยพทันทีเมื่อมีคำสั่ง: หากทางการประกาศให้อพยพออกจากพื้นที่ ให้ปฏิบัติตามทันทีโดยไม่ต้องลังเล นำไปเฉพาะสิ่งของจำเป็นในกระเป๋ายังชีพ
  • หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ: หากไม่จำเป็น ควรหลีกเลี่ยงการเดินฝ่ากระแสน้ำท่วม เนื่องจากอาจมีอันตรายจากสัตว์มีพิษ เศษแก้ว หรือของมีคมที่มองไม่เห็นใต้น้ำ รวมถึงความเสี่ยงจากกระแสไฟฟ้าที่อาจรั่วไหล
  • ห้ามเข้าใกล้เสาไฟฟ้าหรือสายไฟ: กระแสไฟฟ้าสามารถรั่วไหลในน้ำได้ง่าย ควรอยู่ให้ห่างจากเสาไฟฟ้า ป้ายโลหะ หรือวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าทุกชนิด
  • ระวังสัตว์มีพิษ: สัตว์ต่างๆ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง อาจหนีน้ำขึ้นมาอาศัยในที่แห้งตามบ้านเรือน ควรตรวจสอบบริเวณที่พักอาศัยอย่างระมัดระวัง
  • รับประทานอาหารและดื่มน้ำที่สะอาด: เพื่อป้องกันโรคระบาดที่มากับน้ำท่วม เช่น โรคอุจจาระร่วง ควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่และดื่มน้ำสะอาดบรรจุขวด

ความปลอดภัยด้านระบบไฟฟ้าและยานพาหนะ

อันตรายจากไฟฟ้าและปัญหายานพาหนะเป็นสองเรื่องหลักที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในสถานการณ์น้ำท่วม

ระบบไฟฟ้า: ก่อนที่น้ำจะเริ่มท่วมเข้าบ้าน ควรสับคัตเอาต์หรือเบรกเกอร์หลักเพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทั้งหมด ปิดสวิตช์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ห้ามสัมผัสสวิตช์ไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าในขณะที่ร่างกายเปียกหรือยืนอยู่ในน้ำโดยเด็ดขาด เพราะเป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อการถูกไฟฟ้าดูดจนเสียชีวิต

ยานพาหนะ: ห้ามขับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ฝ่าเข้าไปในบริเวณที่มีน้ำท่วมสูงโดยเด็ดขาด ระดับน้ำเพียง 6 นิ้ว (15 เซนติเมตร) ก็อาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ และระดับน้ำ 12 นิ้ว (30 เซนติเมตร) สามารถพัดพารถยนต์ส่วนใหญ่ให้ลอยได้ หากติดอยู่ในรถขณะน้ำท่วม ให้ตั้งสติ เปิดกระจกและปีนหนีออกมาทางหน้าต่างหรือหลังคาโดยเร็วที่สุด การพยายามขับฝ่าไปข้างหน้าอาจทำให้เครื่องยนต์ดับและติดอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจลักษณะของภัยพิบัติทางน้ำ

แม้ว่า “น้ำท่วมฉับพลัน” และ “น้ำป่าไหลหลาก” มักจะถูกกล่าวถึงพร้อมกัน แต่ทั้งสองปรากฏการณ์มีลักษณะ ความรุนแรง และรูปแบบการเกิดที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ประเมินความเสี่ยงและเลือกวิธีการรับมือที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

น้ำท่วมฉับพลัน: ภัยเงียบที่มากับฝน

น้ำท่วมฉับพลัน (Flash Flood) คือสถานการณ์ที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง มักเกิดในพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่เขตเมือง หรือบริเวณใกล้เคียงแม่น้ำลำคลอง สาเหตุหลักมาจากปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมในพื้นที่เป็นเวลานาน จนระบบระบายน้ำตามธรรมชาติหรือที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่สามารถระบายออกได้ทัน ทำให้เกิดภาวะน้ำเอ่อล้นและท่วมขัง

ความอันตรายของน้ำท่วมฉับพลันคือการมาถึงที่รวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว แม้กระแสน้ำอาจไม่รุนแรงเท่ากับน้ำป่า แต่ก็สามารถสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรได้ การเตรียมการโดยการยกของขึ้นที่สูงและติดตามระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น

น้ำป่าไหลหลาก: ความรุนแรงจากธรรมชาติ

น้ำป่าไหลหลาก (Forest Runoff/Debris Flow) เป็นปรากฏการณ์ที่มีความรุนแรงและอันตรายสูงกว่ามาก มักเกิดขึ้นในพื้นที่ลาดชันหรือบริเวณหุบเขาใกล้ป่าต้นน้ำ เมื่อมีฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดินบนภูเขาจะอิ่มตัวด้วยน้ำจนสูญเสียความสามารถในการยึดเกาะ ทำให้มวลน้ำ ดิน หิน และต้นไม้ ไหลทะลักลงมาตามความลาดชันด้วยความเร็วสูง

ลักษณะเด่นของน้ำป่าคือกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก มีสีขุ่นแดงหรือสีโคลน และมีพลังทำลายล้างสูง สามารถพัดพาบ้านเรือน สะพาน และทุกสิ่งที่ขวางหน้าไปกับกระแสน้ำได้ สัญญาณเตือนที่สำคัญคือน้ำในลำห้วยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขุ่นและมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หากสังเกตเห็นสัญญาณดังกล่าว ต้องรีบอพยพขึ้นสู่ที่สูงในทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เพื่อการประเมินความเสี่ยงและเตรียมการรับมือที่ถูกต้อง
คุณลักษณะ น้ำท่วมฉับพลัน (Flash Flood) น้ำป่าไหลหลาก (Forest Runoff)
พื้นที่เกิดเหตุ พื้นที่ลุ่มต่ำ, เขตเมือง, ริมแม่น้ำ พื้นที่ลาดเชิงเขา, หุบเขา, ใกล้ป่าต้นน้ำ
สาเหตุ ฝนตกหนักสะสม, ระบบระบายน้ำไม่ทัน ฝนตกหนักต่อเนื่องจนดินอุ้มน้ำไม่ไหว
ความเร็วของกระแสน้ำ ค่อนข้างช้าถึงปานกลาง, น้ำค่อยๆ เพิ่มระดับ รวดเร็วและรุนแรงมาก, มาถึงแบบฉับพลัน
ลักษณะของน้ำ ค่อนข้างใสในช่วงแรก แล้วค่อยๆ ขุ่น สีขุ่นแดงหรือสีโคลน, มีเศษดินและต้นไม้ปะปน
พลังการทำลายล้าง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน, เป็นอุปสรรคการสัญจร สูงมาก, สามารถทำลายบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างได้
สัญญาณเตือนภัย ระดับน้ำในแม่น้ำ/คูคลองเพิ่มสูงขึ้น น้ำในลำห้วยเปลี่ยนเป็นสีขุ่น, ระดับน้ำขึ้นเร็วผิดปกติ

บทสรุปและการเฝ้าระวังสถานการณ์

ประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาที่เตือนภัย น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เป็นสถานการณ์ที่ต้องให้ความสำคัญและไม่ควรประมาท อิทธิพลจากร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ส่งผลให้หลายพื้นที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคเหนือและพื้นที่ลาดเชิงเขาทั่วประเทศ

การรับมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การจัดเตรียมอุปกรณ์ยังชีพและวางแผนอพยพ ไปจนถึงการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง การทำความเข้าใจในลักษณะของภัยพิบัติแต่ละประเภทจะช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

คำกระตุ้นการตัดสินใจ (Call to Action): ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทุกท่านติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบความพร้อมของตนเองและครอบครัว และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างจริงจัง การเตรียมตัวที่ดีที่สุดในวันนี้ คือการป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930