ครม. เคาะ ‘วีซ่า Digital Nomad’ อยู่ไทย 5 ปี ทำงานได้
คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการวีซ่าประเภทใหม่ที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานทางไกล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Digital Nomad” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจและยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศให้เป็นศูนย์กลางสำหรับผู้มีความสามารถจากทั่วโลก วีซ่านี้เปิดโอกาสให้สามารถพำนักและทำงานในประเทศไทยได้เป็นระยะเวลานาน
ภาพรวมสำคัญของวีซ่า Digital Nomad
- การพำนักระยะยาว: วีซ่ามีอายุการใช้งานนานถึง 5 ปี ทำให้ผู้ถือวีซ่าสามารถวางแผนการใช้ชีวิตและการทำงานในประเทศไทยได้อย่างมั่นคง
- อนุญาตให้ทำงานทางไกล: ผู้ถือวีซ่าสามารถทำงานให้กับบริษัทต่างชาติ หรือประกอบธุรกิจส่วนตัวที่จดทะเบียนในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ของไทย
- ข้อกำหนดทางการเงินที่ชัดเจน: ผู้สมัครต้องแสดงหลักฐานทางการเงิน โดยต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารอย่างน้อย 500,000 บาท หรือมีหลักฐานรายได้ที่มั่นคง
- รองรับการใช้ชีวิตแบบครอบครัว: คู่สมรสและบุตรของผู้ถือวีซ่ามีสิทธิ์ได้รับวีซ่าเพื่อติดตามและพำนักในประเทศไทยได้เช่นกัน
- ความยืดหยุ่นในการเดินทาง: วีซ่าอนุญาตให้เข้า-ออกประเทศไทยได้หลายครั้งตลอดระยะเวลา 5 ปี เพิ่มความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ
การที่ ครม. เคาะ ‘วีซ่า Digital Nomad’ อยู่ไทย 5 ปี ทำงานได้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้มีความสามารถสูงจากทั่วโลกให้เข้ามาพำนักและใช้จ่ายในประเทศ วีซ่าประเภทนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Destination Thailand Visa (DTV) ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มฟรีแลนซ์ ผู้ที่ทำงานทางไกล (Remote Worker) และผู้ประกอบการดิจิทัล ที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการทำงานและใช้ชีวิตในระยะยาว ความริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อกระแสการทำงานยุคใหม่ แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับ Digital Nomad ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นโยบายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นในระดับนานาชาติ ซึ่งหลายประเทศต่างออกนโยบายเพื่อดึงดูดบุคลากรกลุ่มนี้ที่มีกำลังซื้อสูงและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นได้โดยตรง สำหรับประเทศไทย การมีวีซ่า DTV จะช่วยสร้างความชัดเจนทางกฎหมายและอำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติที่ก่อนหน้านี้ต้องพึ่งพาวีซ่าท่องเที่ยวซึ่งมีข้อจำกัดมากมาย การเปลี่ยนแปลงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำงานและการลงทุนจากต่างชาติในระยะยาว
เจาะลึก Destination Thailand Visa (DTV) ฉบับสมบูรณ์
Destination Thailand Visa (DTV) คือวีซ่าประเภทใหม่ที่รัฐบาลไทยออกมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานสมัยใหม่โดยเฉพาะ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ชาวต่างชาติที่มีทักษะสามารถเข้ามาพำนักและทำงานจากประเทศไทยได้อย่างสะดวกและถูกกฎหมาย วีซ่านี้มีรายละเอียดและเงื่อนไขที่น่าสนใจหลายประการ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความยืดหยุ่นและจูงใจให้เลือกประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง
สิทธิประโยชน์หลักที่โดดเด่น
จุดเด่นที่สุดของวีซ่า DTV คือการมอบสิทธิ์ในการพำนักและทำงานที่เหนือกว่าวีซ่าประเภทอื่นๆ ที่เคยมีมา โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- ระยะเวลาพำนักและอายุวีซ่า: วีซ่า DTV มีอายุการใช้งาน (Validity) สูงสุดถึง 5 ปีนับจากวันที่ออกวีซ่า ในการเดินทางเข้าประเทศแต่ละครั้ง ผู้ถือวีซ่าจะได้รับอนุญาตให้พำนักได้นาน 180 วัน และสามารถยื่นขอต่ออายุการพำนักได้อีก 180 วันภายในประเทศ ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (มีค่าธรรมเนียม 1,900 บาท) ซึ่งหมายความว่าสามารถพำนักต่อเนื่องได้สูงสุดเกือบ 1 ปีเต็มต่อการเดินทางเข้าประเทศหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ วีซ่ายังเป็นแบบ Multiple Entries ทำให้สามารถเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดอายุวีซ่า 5 ปี
- การอนุญาตทำงานทางไกล: ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดคือ วีซ่า DTV อนุญาตอย่างชัดเจนให้ผู้ถือวีซ่าสามารถทำงานทางไกลให้กับนายจ้างหรือลูกค้าที่อยู่นอกประเทศไทยได้ ซึ่งรวมถึงการเป็นพนักงานของบริษัทต่างชาติ การเป็นเจ้าของธุรกิจที่จดทะเบียนในต่างประเทศ หรือการเป็นฟรีแลนซ์ที่มีลูกค้านานาชาติ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ของไทย อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดที่ชัดเจนว่าผู้ถือวีซ่าประเภทนี้ไม่สามารถทำงานให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยหรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับการจ้างงานในตลาดแรงงานท้องถิ่นได้
- สิทธิประโยชน์สำหรับครอบครัว: เพื่อรองรับการย้ายถิ่นฐานแบบครอบครัว วีซ่า DTV ยังครอบคลุมถึงสมาชิกในครอบครัวสายตรงของผู้สมัคร ซึ่งได้แก่ คู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และบุตร ทำให้ครอบครัวสามารถย้ายมาพำนักอาศัยในประเทศไทยร่วมกันได้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการใช้ชีวิตระยะยาว
คุณสมบัติและเงื่อนไขของผู้สมัคร
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้สมัครมีศักยภาพและมีความมั่นคงทางการเงินเพียงพอที่จะใช้ชีวิตในประเทศไทยได้โดยไม่เป็นภาระ จึงมีการกำหนดคุณสมบัติที่ชัดเจนไว้ดังนี้: