Shopping cart

ททท. ชู 5 จังหวัดเมืองรองบูมไฮซีซั่นปลายปี 2568

สารบัญ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยแผนกลยุทธ์สำคัญเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญปลายปี 2568 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2569 โดยมีหัวใจหลักคือการผลักดันจังหวัดเมืองรองให้เป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว แผนการดังกล่าวไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการสร้างรายได้ แต่ยังเป็นการปรับภาพลักษณ์และกระจายนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ใหม่ๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ

  • การปรับโฉมเมืองรอง: ททท. ได้เปลี่ยนการเรียกชื่อจาก “เมืองรอง” เป็น “เมืองน่าเที่ยว” เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกและดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น
  • เป้าหมายทางเศรษฐกิจ: ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวมกว่า 1.17 ล้านล้านบาท และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง
  • แคมเปญเจาะกลุ่ม: เปิดตัว 12 แคมเปญท่องเที่ยวที่อิงตามวัฒนธรรมย่อย (Sub-Culture) เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความสนใจที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวยุคใหม่
  • การสนับสนุนจากภาครัฐ: ผนึกกำลังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการเดินทางและใช้จ่ายในเมืองน่าเที่ยว
  • บทบาทผู้นำท้องถิ่น: ส่งเสริมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่เป็น “CEO” ในการบริหารจัดการและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของจังหวัดตนเองอย่างเต็มศักยภาพ

แผนการที่ ททท. ชู 5 จังหวัดเมืองรองบูมไฮซีซั่นปลายปี 2568 ถือเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงในเมืองหลัก แต่ให้กระจายไปสู่ชุมชนท้องถิ่นใน 55 จังหวัดที่ถูกจัดให้เป็น “เมืองน่าเที่ยว” การส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางสูงสุด จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคักทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย

ภาพรวมกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองปลายปี 2568

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้วางแผนกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดเมืองรอง ซึ่งปัจจุบันได้รับการปรับภาพลักษณ์ใหม่ในชื่อ “เมืองน่าเที่ยว” กลยุทธ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่ต้องการการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวและรายได้ไปสู่พื้นที่ที่มีศักยภาพแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

ความสำคัญของแผนการนี้อยู่ที่การสร้างสมดุลให้กับการท่องเที่ยวไทย ลดความแออัดในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ และในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจระดับชุมชนในจังหวัดต่างๆ ได้เติบโตอย่างยั่งยืน การดำเนินการในช่วงไฮซีซั่นปลายปีถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมีแนวโน้มเดินทางพักผ่อนสูงสุด ทำให้สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ แผนการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการกระตุ้นการเดินทาง แต่ยังเป็นการนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ๆ ที่นักท่องเที่ยวอาจยังไม่เคยสัมผัส

เจาะลึกแผนยุทธศาสตร์ “เมืองน่าเที่ยว 2568” ของ ททท.

เจาะลึกแผนยุทธศาสตร์ "เมืองน่าเที่ยว 2568" ของ ททท.

ยุทธศาสตร์ “เมืองน่าเที่ยว 2568” เป็นการยกเครื่องแนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองครั้งใหญ่ โดย ททท. ได้วางโครงสร้างและกลไกการขับเคลื่อนที่ชัดเจน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และการสร้างแบรนด์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

จาก “เมืองรอง” สู่ “เมืองน่าเที่ยว”: การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งสำคัญ

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือการยกเลิกการใช้คำว่า “เมืองรอง” และแทนที่ด้วยคำว่า “เมืองน่าเที่ยว” การปรับเปลี่ยนนี้มีนัยสำคัญทางจิตวิทยาและการตลาดอย่างยิ่ง คำว่า “เมืองรอง” อาจสร้างความรู้สึกว่าเป็นตัวเลือกอันดับสอง หรือมีความสำคัญน้อยกว่าเมืองหลัก ในทางกลับกัน คำว่า “เมืองน่าเที่ยว” ให้ความหมายเชิงบวก สื่อถึงสถานที่ที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ และน่าค้นหา การสื่อสารด้วยคำใหม่นี้จึงเป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเปิดใจและมองเห็นคุณค่าของจังหวัดเหล่านี้ในฐานะจุดหมายปลายทางหลักที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ใคร การปรับภาพลักษณ์นี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ทั้ง 55 จังหวัดในกลุ่มนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญบนแผนที่การท่องเที่ยวของไทย

เป้าหมายทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดความสำเร็จ

ททท. ได้ตั้งเป้าหมายเชิงปริมาณที่ชัดเจนสำหรับปี 2568 เพื่อเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ “เมืองน่าเที่ยว” โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ถึง 1.17 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความคาดหวังในการฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตลอดทั้งปีไว้ที่ 205 ล้านคน-ครั้ง (การนับจำนวนครั้งที่นักท่องเที่ยวเดินทาง) ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเป้าหมายทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญและกลยุทธ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ เพื่อให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาแผนการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง

12 แคมเปญ Sub-Culture: ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสไตล์ใหม่

เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่มและหลากหลายมากขึ้น ททท. ได้ริเริ่มแนวคิดในการสร้างสรรค์ 12 แคมเปญท่องเที่ยวที่อิงตามวัฒนธรรมย่อย หรือ Sub-Culture แทนที่จะใช้การตลาดแบบกว้างๆ ที่เน้นสถานที่เพียงอย่างเดียว กลยุทธ์นี้จะมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมและไลฟ์สไตล์ที่นักท่องเที่ยวสนใจเป็นพิเศษ เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวสายอาหาร (Foodies) กลุ่มผู้รักการผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปะและงานฝีมือท้องถิ่น กลุ่มที่สนใจประวัติศาสตร์และโบราณคดี หรือกลุ่มที่ต้องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness) เป็นต้น การแบ่งแคมเปญตามความสนใจนี้จะช่วยให้การสื่อสารการตลาดมีความแม่นยำและตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเพื่อแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับตัวตนของนักท่องเที่ยวแต่ละคน

ททท. ชู 5 จังหวัดเมืองรองบูมไฮซีซั่นปลายปี 2568: คาดการณ์จังหวัดน่าสนใจ

แม้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะยังไม่ได้ประกาศรายชื่อ 5 จังหวัด “เมืองน่าเที่ยว” ที่จะเน้นส่งเสริมเป็นพิเศษในช่วงไฮซีซั่นปลายปี 2568 อย่างเป็นทางการ แต่จากแนวโน้มการส่งเสริมการท่องเที่ยวและศักยภาพของแต่ละพื้นที่ สามารถคาดการณ์ถึงกลุ่มจังหวัดที่มีแนวโน้มจะได้รับการผลักดันเป็นพิเศษได้ โดยจังหวัดเหล่านี้ล้วนมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและสอดคล้องกับแคมเปญ “เมืองน่าเที่ยว Year of Celebration” ที่กำลังจะเกิดขึ้น

หลักเกณฑ์การคัดเลือกและจังหวัดที่มีศักยภาพสูง

การคัดเลือกจังหวัดเป้าหมายมักจะพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่น่าสนใจ การเข้าถึงที่สะดวกสบาย ความหลากหลายของกิจกรรม และความพร้อมของชุมชนท้องถิ่นในการต้อนรับนักท่องเที่ยว จากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้สามารถคาดการณ์รายชื่อจังหวัดที่มีศักยภาพสูงได้ดังต่อไปนี้

จังหวัดน่าน: มนต์เสน่ห์แห่งเมืองสโลว์ไลฟ์

น่านเป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ วัฒนธรรมล้านนาตะวันออกที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ และทิวทัศน์ของขุนเขาที่งดงาม จุดเด่นของน่านคือการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิด สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดภูมินทร์ ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” หรือการเดินทางขึ้นไปชมวิวบนดอยเสมอดาว ทำให้จังหวัดน่านเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวาย

จังหวัดแม่ฮ่องสอน: ดินแดนแห่งสายหมอกและวัฒนธรรมหลากหลาย

แม่ฮ่องสอน หรือที่รู้จักกันในนาม “เมืองสามหมอก” เป็นจังหวัดที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะชาวไทใหญ่ การเดินทางบนเส้นทาง 1,864 โค้ง ถือเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและน่าจดจำสำหรับนักเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ปางอุ๋ง” หรือโครงการพระราชดำริปางตอง 2 มีทิวทัศน์ที่สวยงามคล้ายกับต่างประเทศ นอกจากนี้ หมู่บ้านรักไทยที่รายล้อมด้วยไร่ชาและสถาปัตยกรรมแบบจีนยูนนาน ก็เป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน

จังหวัดลำปาง: นครแห่งรถม้าและอารยธรรมล้านนา

ลำปางเป็นจังหวัดที่ยังคงรักษากลิ่นอายของอดีตไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และเป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ยังคงมีรถม้าให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ การท่องเที่ยในลำปางจึงเป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม วัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง มีสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นที่ประดิษฐานของ “เงาพระธาตุกลับหัว” อันน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ ลำปางยังขึ้นชื่อเรื่องเซรามิกและผลิตภัณฑ์จากดินเผา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และลงมือทำได้

จังหวัดอุดรธานี: ประตูสู่อีสานและมรดกโลก

อุดรธานีเป็นศูนย์กลางของภาคอีสานตอนบน มีความโดดเด่นทั้งในด้านธรรมชาติและประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกคือ “ทะเลบัวแดง” ที่อำเภอกุมภวาปี ซึ่งในช่วงฤดูหนาว ดอกบัวสายสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มบึงน้ำ สร้างทัศนียภาพที่งดงามตระการตา นอกจากนี้ยังมีแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้

จังหวัดบุรีรัมย์: เมืองแห่งกีฬาและปราสาทหินโบราณ

บุรีรัมย์เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนผ่านจากเมืองรองสู่เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) จากการมีสนามแข่งรถระดับโลกและสโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศ อย่างไรก็ตาม บุรีรัมย์ยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าคือ ปราสาทหินพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมขอมโบราณที่ยิ่งใหญ่และงดงาม การผสมผสานระหว่างความทันสมัยของโลกกีฬาและความขลังของอารยธรรมโบราณทำให้บุรีรัมย์เป็นจุดหมายปลายทางที่มีความหลากหลายและน่าสนใจอย่างยิ่ง

ตารางเปรียบเทียบจุดเด่นของ 5 จังหวัดเมืองน่าเที่ยวที่มีศักยภาพสำหรับไฮซีซั่นปลายปี 2568
จังหวัด จุดเด่นหลัก กิจกรรมแนะนำ
น่าน วัฒนธรรมล้านนาตะวันออก, ธรรมชาติ, สโลว์ไลฟ์ ชมจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์, พักโฮมสเตย์ที่สะปัน, ชมทะเลหมอกดอยเสมอดาว
แม่ฮ่องสอน ธรรมชาติบริสุทธิ์, ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ล่องแพไม้ไผ่, เยือนหมู่บ้านรักไทย, เดินทางบนเส้นทาง 1,864 โค้ง
ลำปาง ประวัติศาสตร์ล้านนา, เอกลักษณ์เฉพาะตัว (รถม้า, เซรามิก) นั่งรถม้าชมเมือง, สักการะพระธาตุลำปางหลวง, เที่ยวชมโรงงานเซรามิก
อุดรธานี ธรรมชาติอันซีน (ทะเลบัวแดง), แหล่งมรดกโลก ล่องเรือชมทะเลบัวแดง, ศึกษาประวัติศาสตร์ที่บ้านเชียง, สักการะคำชะโนด
บุรีรัมย์ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา, อารยธรรมขอมโบราณ ชมการแข่งขันที่สนามช้างฯ, เยือนปราสาทหินพนมรุ้งและเมืองต่ำ

บทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัดและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

ความสำเร็จของโครงการ “เมืองน่าเที่ยว” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ททท. เพียงหน่วยงานเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำในระดับจังหวัดและมาตรการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาล

ผู้ว่าฯ CEO: แม่ทัพขับเคลื่อนการท่องเที่ยวท้องถิ่น

รัฐบาลได้มอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่เสมือนเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของจังหวัดตนเอง โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว บทบาทนี้หมายถึงการที่ผู้ว่าฯ ต้องเป็นผู้นำในการวางยุทธศาสตร์ กำหนดทิศทาง และบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ผู้ว่าฯ จะต้องมีความเข้าใจในศักยภาพและจุดเด่นของจังหวัดตนเอง สามารถสร้างแบรนด์และนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แนวคิด “ผู้ว่าฯ CEO” นี้จะช่วยให้การขับเคลื่อนนโยบายจากส่วนกลางลงสู่ระดับท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีพลังและเกิดผลเป็นรูปธรรม

สิทธิประโยชน์และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เพื่อสร้างแรงจูงใจและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยว รัฐบาลได้เตรียมนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวกลับมาใช้อีกครั้ง โดยเฉพาะโครงการที่เคยประสบความสำเร็จอย่าง “เราเที่ยวด้วยกัน” และอาจมีโครงการใหม่ๆ เช่น “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” มาตรการเหล่านี้จะมอบส่วนลดค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การผนวกสิทธิประโยชน์เหล่านี้เข้ากับการส่งเสริมการท่องเที่ยวใน “เมืองน่าเที่ยว” จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเดินทางและเพิ่มการใช้จ่ายในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชนโดยตรง

สรุปทิศทางการท่องเที่ยวไทยและโอกาสสำหรับเมืองน่าเที่ยว

กลยุทธ์การชู “เมืองน่าเที่ยว” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นปลายปี 2568 ถือเป็นทิศทางที่สำคัญและสอดคล้องกับแนวโน้มการท่องเที่ยวโลกที่มุ่งเน้นประสบการณ์ที่แตกต่างและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก “เมืองรอง” สู่ “เมืองน่าเที่ยว” พร้อมกับการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน และการใช้แคมเปญที่เจาะลึกตามไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการยกระดับศักยภาพของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

การกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นและการสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศการท่องเที่ยวของประเทศ คือหัวใจสำคัญของโครงการ “เมืองน่าเที่ยว” ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ผู้นำท้องถิ่น และภาคเอกชน รวมถึงการสนับสนุนผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้แผนการนี้ประสบความสำเร็จ การส่งเสริมจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง อุดรธานี และบุรีรัมย์ จะเป็นต้นแบบในการพัฒนาจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความคึกคักให้กับการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและกระจายประโยชน์ไปสู่ทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930