ไข้หวัดใหญ่ 2568: สธ. ชวนฉีดวัคซีนฟรี ใครบ้างมีสิทธิ์?
- ภาพรวมโครงการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2568
- ความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- เจาะลึก 7 กลุ่มเสี่ยงเป้าหมายที่มีสิทธิ์รับวัคซีนฟรี
- สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม
- ขั้นตอนการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนฟรี
- สรุปภาพรวมสิทธิ์การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ปี 2568
- การเตรียมความพร้อมก่อนและหลังการฉีดวัคซีน
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีการระบาดสูง การป้องกันโรคจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรีเป็นประจำทุกปี
ภาพรวมโครงการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2568
- กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้าโครงการ ไข้หวัดใหญ่ 2568: สธ. ชวนฉีดวัคซีนฟรี ใครบ้างมีสิทธิ์? เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงของโรคในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง
- โครงการนี้มุ่งเป้าไปยังประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงหลัก ครอบคลุมตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางประการ
- สามารถเข้ารับบริการได้ฟรี ณ สถานพยาบาลของรัฐและศูนย์บริการสาธารณสุขทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด
- ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถรับสิทธิ์ฉีดวัคซีนฟรีได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ในช่วงเวลาเดียวกัน
- การเข้ารับบริการใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนใบเดียวเพื่อยืนยันตัวตนและตรวจสอบสิทธิ์
โครงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรีเป็นมาตรการด้านสาธารณสุขเชิงรุกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่และภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรที่มีความเปราะบางทางสุขภาพ การส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถือเป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมการระบาดในวงกว้างและลดภาระของระบบสาธารณสุขในระยะยาว
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันตนเอง แต่ยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ซึ่งช่วยปกป้องบุคคลอื่นในสังคมที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้อีกด้วย
ความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ย่อยอยู่เสมอ ทำให้เกิดการระบาดเป็นระลอกในแต่ละปี แม้อาการโดยทั่วไปอาจคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่ไข้หวัดใหญ่มีความรุนแรงมากกว่าและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น ปอดอักเสบหรือปอดบวม, การติดเชื้อในกระแสเลือด, และการทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว การฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดความเสี่ยงเหล่านี้
เหตุผลที่ต้องฉีดวัคซีนทุกปี
ภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปีมักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อนหน้า องค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกจึงต้องมีการคาดการณ์และพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่ทุกปีเพื่อให้สอดคล้องกับสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาด ด้วยเหตุนี้ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาระดับภูมิคุ้มกันให้สูงพอและป้องกันเชื้อสายพันธุ์ล่าสุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขโดยรวม
เมื่อประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล และลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งส่งผลให้ระบบสาธารณสุขสามารถจัดสรรทรัพยากรไปดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โครงการฉีดวัคซีนฟรีจึงไม่ได้เป็นประโยชน์แค่ในระดับปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลดีต่อเสถียรภาพของระบบสาธารณสุขของประเทศโดยรวม
เจาะลึก 7 กลุ่มเสี่ยงเป้าหมายที่มีสิทธิ์รับวัคซีนฟรี
กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ไว้ 7 กลุ่มหลัก ซึ่งมีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนี้
หญิงตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป)
ในระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายของสตรีจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งระบบภูมิคุ้มกัน ระบบหัวใจและหลอดเลือด และระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้มีความไวต่อการติดเชื้อและมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่าคนทั่วไป การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อตัวมารดา แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ การฉีดวัคซีนในช่วงไตรมาสที่สองเป็นต้นไป (อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป) มีความปลอดภัยและมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงช่วยป้องกันมารดา แต่ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นยังสามารถส่งผ่านไปยังทารก ช่วยปกป้องทารกแรกเกิดในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่สามารถรับวัคซีนได้
เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
เด็กเล็กในวัยนี้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่ง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างเต็มที่ เมื่อติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จึงมักมีอาการรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น ปอดบวม, หูชั้นกลางอักเสบ, หรือแม้กระทั่งภาวะสมองอักเสบซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเด็กเล็กนั้นสูงกว่ากลุ่มวัยอื่นอย่างมีนัยสำคัญ การให้วัคซีนจึงเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กในวัยนี้
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค
ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังมักมีภาวะสุขภาพที่เปราะบาง การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะเข้าไปซ้ำเติมอาการของโรคเดิมให้แย่ลง หรือกระตุ้นให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ง่าย กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่:
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และโรคหืด: เชื้อไข้หวัดใหญ่มักทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้อาการของโรคปอดกำเริบอย่างรุนแรง หายใจลำบาก และอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
- โรคหัวใจ: การติดเชื้อไวรัสเป็นภาระต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้
- โรคหลอดเลือดสมอง: ผู้ที่เคยมีประวัติโรคหลอดเลือดสมองมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่
- โรคไตวาย: โดยเฉพาะผู้ที่ต้องล้างไตเป็นประจำ จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่าคนปกติ ทำให้ติดเชื้อง่ายและมีอาการรุนแรง
- โรคมะเร็ง (ที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด): การทำเคมีบำบัดจะกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอย่างมาก ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
- โรคเบาหวาน: การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ควบคุมได้ยากขึ้น และผู้ป่วยเบาหวานมักมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อได้มากกว่าคนทั่วไป
- โรคธาลัสซีเมียและผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ): ภาวะเหล่านี้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ การติดเชื้อเพียงเล็กน้อยก็อาจลุกลามและเป็นอันตรายได้
ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันจะลดลงตามธรรมชาติ (Immunosenescence) ทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และเกิดอาการรุนแรง นอกจากนี้ ผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัวร่วมด้วยอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เช่น ปอดบวม ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญในผู้สูงอายุ การฉีดวัคซีนจึงช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยหนัก ลดการเข้าโรงพยาบาล และรักษาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีข้อจำกัดในการดูแลสุขอนามัยของตนเอง มีปัญหาในการไอหรือขับเสมหะออกจากทางเดินหายใจ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปอดอักเสบจากการสำลักและติดเชื้อได้ง่าย การป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่แรกจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคเลือดทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ร่างกายจะไม่สามารถสร้างการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอที่จะกำจัดเชื้อไวรัสได้ ทำให้การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สามารถลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง การฉีดวัคซีนจึงเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้
ผู้ป่วยโรคอ้วน
เกณฑ์สำหรับกลุ่มนี้คือผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไป หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป มีงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า ภาวะอ้วนทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกายและบั่นทอนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ปริมาณไขมันที่มากเกินไปอาจกดเบียดการทำงานของปอด ทำให้การหายใจไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เมื่อติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU)
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม
นอกเหนือจาก 7 กลุ่มเสี่ยงหลักที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุขแล้ว สำนักงานประกันสังคมยังได้มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับผู้ประกันตนที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ให้สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีเช่นกัน โดยสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมของตนเองในช่วงเวลาเดียวกันกับโครงการของ สธ. คือระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2568 มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชากรวัยแรงงานสูงอายุ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ
ขั้นตอนการเข้ารับบริการฉีดวัคซีนฟรี
สำหรับประชาชนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง สามารถเข้ารับบริการได้ง่ายและสะดวก โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- ตรวจสอบสิทธิ์: ตรวจสอบว่าตนเองจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงตามที่กำหนดหรือไม่
- เตรียมเอกสาร: เอกสารที่ต้องใช้มีเพียง บัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริงเพียงใบเดียว สำหรับเด็กเล็กให้ใช้สูติบัตร
- ติดต่อสถานพยาบาล: สามารถเดินทางไปติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.), โรงพยาบาลรัฐ, หรือศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร
- ระยะเวลา: เข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าวัคซีนที่จัดสรรให้ในแต่ละสถานพยาบาลจะหมดลง
สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไป จะไม่สามารถรับสิทธิ์ฉีดวัคซีนฟรีในโครงการนี้ได้ แต่ยังคงสามารถรับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้โดยมีค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกทั่วไป
สรุปภาพรวมสิทธิ์การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ปี 2568
กลุ่มผู้มีสิทธิ์ | ช่องทางบริการ | ระยะเวลาโครงการ |
---|---|---|
ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง | สถานพยาบาลของรัฐ และศูนย์บริการสาธารณสุขทั่วประเทศ | 1 พ.ค. – 31 ส.ค. 2568 (หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด) |
ผู้ประกันตน (อายุ 50 ปีขึ้นไป) | โรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม | 1 พ.ค. – 31 ส.ค. 2568 |
การเตรียมความพร้อมก่อนและหลังการฉีดวัคซีน
เพื่อให้การรับวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรมีการเตรียมตัวเบื้องต้นก่อนเข้ารับบริการ ในวันฉีดวัคซีนควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่มีไข้ หรืออาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน หากมีโรคประจำตัวหรือมีประวัติการแพ้ยาหรือวัคซีน ควรแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบก่อนรับบริการ หลังการฉีดวัคซีน ควรพักสังเกตอาการที่สถานพยาบาลอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อเฝ้าระวังอาการแพ้รุนแรงซึ่งพบได้น้อยมาก อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ทั่วไปคือ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด หรืออาจมีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน หากมีอาการผิดปกติรุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้น ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
สรุปแล้ว โครงการ ไข้หวัดใหญ่ 2568: สธ. ชวนฉีดวัคซีนฟรี ใครบ้างมีสิทธิ์? เป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางสุขภาพให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง การเข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนดเวลาไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยรุนแรงในระดับบุคคล แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการระบาดและรักษาสุขภาพของสังคมโดยรวม จึงขอแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงตรวจสอบสิทธิ์และเข้ารับบริการ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้านภายในระยะเวลาที่กำหนด