Shopping cart

15 ก.ย. วันประชาธิปไตยสากล: สำรวจภูมิทัศน์การเมืองไทย

สารบัญ

ในทุกวันที่ 15 กันยายนของทุกปี ประชาคมโลกได้กำหนดให้เป็นวันประชาธิปไตยสากล เพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความสำคัญของระบอบการปกครองที่ให้อำนาจสูงสุดแก่ประชาชน วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการทบทวนหลักการพื้นฐาน ส่งเสริมคุณค่า และประเมินสถานะของประชาธิปไตยทั่วโลก รวมถึงการสำรวจภูมิทัศน์และพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย

ประเด็นสำคัญของวันประชาธิปไตยสากล

  • การก่อตั้งโดยสหประชาชาติ: วันประชาธิปไตยสากลถูกกำหนดขึ้นโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2550 เพื่อส่งเสริมและรักษาระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก
  • หลักการพื้นฐาน: ประชาธิปไตยมีรากฐานมาจากหลักการที่ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ซึ่งแสดงออกผ่านการมีส่วนร่วมทางการเมือง สิทธิมนุษยชน และความเสมอภาคทางกฎหมาย
  • บริบทของประเทศไทย: กระบวนการประชาธิปไตยไทยเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 และยังคงมีการพัฒนาและเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
  • ความสำคัญของการตระหนักรู้: วันนี้เป็นโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงสิทธิ เสรีภาพ และความรับผิดชอบในการธำรงรักษาสังคมประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง

บทความนี้จะเจาะลึกถึงความสำคัญของ 15 ก.ย. วันประชาธิปไตยสากล: สำรวจภูมิทัศน์การเมืองไทย โดยจะพิจารณาตั้งแต่จุดกำเนิดและหลักการสากลของประชาธิปไตย ไปจนถึงการเดินทางและพลวัตของระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทย การทำความเข้าใจในมิติต่างๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์ แต่ยังสร้างความตระหนักถึงบทบาทของพลเมืองในการร่วม gestalten ( gestalten หมายถึง การสร้างสรรค์หรือกำหนดรูปแบบ) อนาคตทางการเมืองของประเทศ การเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้จึงไม่ใช่เพียงพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการเชิญชวนให้เกิดการไตร่ตรองถึงความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาระบอบการปกครองที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง

ความหมายและที่มาของวันประชาธิปไตยสากล

วันประชาธิปไตยสากล (International Day of Democracy) เป็นวันที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาคมโลกได้ทบทวนสถานะของประชาธิปไตยและส่งเสริมหลักการที่เกี่ยวข้อง การเกิดขึ้นของวันนี้มีที่มาและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของนานาประเทศในการรักษาระบอบการปกครองที่เคารพเสียงของประชาชน

การรับรองโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ

จุดเริ่มต้นของวันประชาธิปไตยสากลเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) เมื่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ได้มีมติรับรองให้วันที่ 15 กันยายนของทุกปีเป็นวันประชาธิปไตยสากลอย่างเป็นทางการ มติดังกล่าวมีขึ้นเพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลของประเทศสมาชิกส่งเสริมและรวบรวมหลักการประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นจริงในสังคมของตนเอง รวมถึงส่งเสริมการให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับความสำคัญของวันนี้

การเลือกวันที่ 15 กันยายนมีความเชื่อมโยงเชิงสัญลักษณ์กับการครบรอบ 20 ปีของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยประชาธิปไตยใหม่หรือประชาธิปไตยที่ได้รับการฟื้นฟู (International Conference of New or Restored Democracies) ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในกลุ่มประเทศต่างๆ ทั่วโลก

วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและปกป้องหลักการประชาธิปไตย

เป้าหมายหลักของการมีวันประชาธิปไตยสากล คือการสร้างโอกาสให้ทั่วโลกได้ประเมินสุขภาพของประชาธิปไตยในแต่ละประเทศและในระดับสากล สหประชาชาติเน้นย้ำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่เป้าหมายที่หยุดนิ่ง แต่เป็นกระบวนการที่ต้องได้รับการดูแลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง วัตถุประสงค์สำคัญประกอบด้วย:

  • การส่งเสริมคุณค่าสากล: เพื่อย้ำเตือนถึงคุณค่าของเสรีภาพ การเคารพสิทธิมนุษยชน และหลักการของการจัดให้มีการเลือกตั้งที่โปร่งใสและยุติธรรมเป็นระยะ
  • การสร้างความตระหนักรู้: เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิและความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแข็งขัน
  • การสนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลก: เพื่อเป็นเวทีในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับภาคประชาสังคม นักกิจกรรม และผู้ที่ทำงานเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมทั่วโลก ซึ่งมักต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงมากมาย

แก่นแท้และทฤษฎีพื้นฐานของประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยเป็นมากกว่าแค่ระบบการเลือกตั้ง แต่เป็นปรัชญาการปกครองที่มีรากฐานทางความคิดที่ลึกซึ้ง การทำความเข้าใจแก่นแท้และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เห็นภาพความหมายที่สมบูรณ์ของระบอบการปกครองนี้

อำนาจอธิปไตยของปวงชน: หัวใจหลักของการปกครอง

หลักการสำคัญที่สุดของประชาธิปไตยคือ “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน” (Popular Sovereignty) หมายความว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศมาจากความยินยอมของประชาชน ไม่ใช่จากบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มคนเล็กๆ อำนาจนี้จะถูกแสดงออกผ่านกลไกต่างๆ เช่น การเลือกตั้งผู้แทนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร การลงประชามติในประเด็นสำคัญ หรือการมีส่วนร่วมทางการเมืองในรูปแบบอื่นๆ

ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยไม่ได้เป็นเพียงผู้ถูกปกครอง แต่เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง รัฐบาลและสถาบันทางการเมืองต่างๆ จึงมีหน้าที่รับใช้และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และต้องมีความรับผิดชอบที่สามารถตรวจสอบได้

แนวคิดว่าด้วยเจตจำนงร่วม (La Volonté Générale)

ฌอง ฌาคส์ รุสโซ (Jean-Jacques Rousseau) นักปรัชญาคนสำคัญในยุคเรืองปัญญา ได้นำเสนอแนวคิด “เจตจำนงร่วม” หรือ “la volonté générale” ซึ่งมีอิทธิพลอย่างสูงต่อทฤษฎีประชาธิปไตยสมัยใหม่ รุสโซมองว่า กฎหมายและการตัดสินใจทางการเมืองที่ชอบธรรมจะต้องสะท้อนเจตจำนงร่วมของประชาชนทั้งหมด ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ร่วมกันของสังคม ไม่ใช่เพียงผลรวมของความต้องการส่วนบุคคล

อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และกฎหมายเป็นเจตจำนงร่วมกันของประชาชน

แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องอาศัยการปรึกษาหารือ การถกเถียง และการแสวงหาฉันทามติ เพื่อให้การตัดสินใจทางการเมืองนำไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ

สิทธิมนุษยชน: รากฐานที่ขาดไม่ได้

ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ ระบอบประชาธิปไตยจะดำรงอยู่ไม่ได้หากปราศจากการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ในทางกลับกัน การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนก็มักจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในสังคมประชาธิปไตย สิทธิที่สำคัญ ได้แก่:

  • เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น: สิทธิในการแสดงออก การพูด การเขียน และการเผยแพร่ความคิดเห็นโดยปราศจากความกลัว
  • เสรีภาพในการชุมนุม: สิทธิในการรวมตัวกันอย่างสันติเพื่อแสดงออกหรือเรียกร้องในประเด็นต่างๆ
  • เสรีภาพสื่อ: การมีสื่อมวลชนที่เป็นอิสระในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและให้ข้อมูลแก่ประชาชน
  • ความเสมอภาคทางกฎหมาย: ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ

รากฐานเหล่านี้เป็นเครื่องค้ำประกันว่าประชาชนจะสามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างมีความหมายและปลอดภัย

เส้นทางประชาธิปไตยในบริบทการเมืองไทย

เส้นทางประชาธิปไตยในบริบทการเมืองไทย

ภูมิทัศน์การเมืองไทยมีประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยที่ยาวนานและซับซ้อน การทำความเข้าใจพัฒนาการและจุดเปลี่ยนที่สำคัญจะช่วยให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์ในปัจจุบันได้ชัดเจนขึ้น

จุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ เมื่อคณะราษฎรได้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ เหตุการณ์นี้ได้วางรากฐานการปกครองที่อำนาจสูงสุดไม่ได้อยู่ที่องค์พระมหากษัตริย์อีกต่อไป แต่ถูกจำกัดโดยกฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ

หลัก 6 ประการของคณะราษฎร ซึ่งรวมถึงหลักเอกราช หลักความปลอดภัย หลักเศรษฐกิจ หลักเสมอภาค หลักเสรีภาพ และหลักการศึกษา ได้กลายเป็นอุดมการณ์ชี้นำในการสร้างรัฐสมัยใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชน แม้เส้นทางหลังจากนั้นจะเผชิญกับความท้าทายหลายครั้ง แต่จุดเริ่มต้นในปี 2475 ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการสถาปนาอำนาจของปวงชนในประเทศไทย

บทบาทของรัฐธรรมนูญในฐานะกฎหมายสูงสุด

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ ซึ่งแต่ละฉบับสะท้อนถึงบริบททางการเมืองและสังคมในยุคสมัยนั้นๆ รัฐธรรมนูญทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักในการกำหนดรูปแบบของรัฐ สถาบันทางการเมือง (ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ) และที่สำคัญที่สุดคือการรับรองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทย

รัฐธรรมนูญจึงเป็นกลไกสำคัญในการวางกรอบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน กำหนดที่มาและขอบเขตของอำนาจรัฐ และเป็นหลักประกันว่าการใช้อำนาจนั้นจะต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม การถกเถียงและการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตยที่สะท้อนถึงความพยายามในการสร้างกติกาการอยู่ร่วมกันที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในสังคม

พลวัตและความท้าทายในปัจจุบัน

ประชาธิปไตยไทยในยุคปัจจุบันยังคงมีพลวัตและเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย การถกเถียงในประเด็นต่างๆ เช่น โครงสร้างอำนาจ การปฏิรูปการเมือง การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และการสร้างความสมดุลระหว่างเสรีภาพกับความมั่นคง ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง การตื่นตัวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสื่อสาร และบทบาทของภาคประชาสังคม ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภูมิทัศน์การเมืองไทย

การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้มีความมั่นคงและยั่งยืนยังคงเป็นเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจ การอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่าง และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อหาทางออกที่สันติและสร้างสรรค์

ภาพสะท้อนประชาธิปไตยโลกผ่านธีมประจำปี

ในแต่ละปี สหประชาชาติจะกำหนดหัวข้อหรือธีม (Theme) สำหรับวันประชาธิปไตยสากล เพื่อมุ่งเน้นไปยังประเด็นท้าทายหรือโอกาสที่สำคัญในขณะนั้น ธีมเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนสถานการณ์ประชาธิปไตยทั่วโลกและชี้นำทิศทางการอภิปรายและการดำเนินการในระดับสากล

ตัวอย่างธีมวันประชาธิปไตยสากลในแต่ละปี ซึ่งสะท้อนถึงประเด็นร่วมสมัยที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ
ปี (ค.ศ.) ธีม (Theme) ประเด็นสำคัญที่สะท้อน
2023 Empowering the next generation การให้ความสำคัญกับบทบาทของคนรุ่นใหม่ในการกำหนดอนาคตของประชาธิปไตย การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชน
2022 The IPU Universe Declaration on Democracy: 25 Years on การทบทวนปฏิญญาสากลว่าด้วยประชาธิปไตยของสหภาพรัฐสภา (IPU) ในโอกาสครบรอบ 25 ปี และประเมินความก้าวหน้าและความท้าทาย
2021 Is democracy really in crisis? การตั้งคำถามและสำรวจวิกฤตการณ์ความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย
2020 Covid-19 and Democracy: Can parliaments come to the rescue? การวิเคราะห์ผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ต่อกระบวนการประชาธิปไตยและสิทธิพลเมือง และบทบาทของรัฐสภาในการแก้ไขวิกฤต
2016 Democracy 2030 การมองไปข้างหน้าเพื่อกำหนดทิศทางของประชาธิปไตยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ

จากตารางจะเห็นได้ว่า ธีมในแต่ละปีมุ่งเน้นประเด็นที่หลากหลาย ตั้งแต่การส่งเสริมคนรุ่นใหม่ การรับมือกับวิกฤตการณ์ระดับโลก ไปจนถึงการทบทวนหลักการพื้นฐาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยเป็นแนวคิดที่มีชีวิตและต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอ

บทบาทของภาคประชาชนในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถาบันทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากภาคประชาชน พลเมืองทุกคนมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบ กำกับดูแล และขับเคลื่อนสังคมให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ประชาธิปไตย

การมีส่วนร่วมทางการเมืองและความสำคัญของเสียงประชาชน

การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ประชาธิปไตยมีความหมาย การมีส่วนร่วมนี้มีได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สุด ไปจนถึงการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง การติดตามข้อมูลข่าวสาร การแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ การเสนอกฎหมายโดยภาคประชาชน หรือการทำงานร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อผลักดันประเด็นทางสังคมต่างๆ

ทุกเสียงของประชาชนมีความสำคัญในการสะท้อนความต้องการที่หลากหลายของสังคมไปยังผู้มีอำนาจ และเป็นกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจตามอำเภอใจ สังคมที่พลเมืองมีความกระตือรือร้นทางการเมืองจึงมีแนวโน้มที่จะมีรัฐบาลที่โปร่งใสและตอบสนองต่อประชาชนได้ดีกว่า

เสรีภาพในการแสดงออกและหลักนิติธรรม

เพื่อให้การมีส่วนร่วมของประชาชนเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง สังคมจำเป็นต้องมีหลักประกันด้านเสรีภาพในการแสดงออกและหลักนิติธรรม (Rule of Law) เสรีภาพในการแสดงออกช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลาย การวิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ และการแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสังคม ในขณะที่หลักนิติธรรมสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกคนจะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม และการใช้อำนาจรัฐจะมีขอบเขตที่ชัดเจน

สองสิ่งนี้เป็นเหมือนเสาหลักที่ค้ำจุนบ้านประชาธิปไตย หากเสาหลักใดสั่นคลอน ก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างทั้งหมด การส่งเสริมและปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและหลักนิติธรรมจึงเป็นหน้าที่ร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคม

บทสรุปและมุมมองสู่อนาคต

วันที่ 15 กันยายน วันประชาธิปไตยสากล เป็นมากกว่าวันเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นเครื่องเตือนใจถึงการเดินทางอันยาวนานและต่อเนื่องของมนุษยชาติในการสร้างระบบการปกครองที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และให้อำนาจแก่ประชาชน จากการก่อตั้งโดยสหประชาชาติสู่การปฏิบัติในแต่ละประเทศ หลักการประชาธิปไตยยังคงเป็นเป้าหมายที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและปกป้อง

สำหรับประเทศไทย เส้นทางประชาธิปไตยที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวและยังคงดำเนินต่อไป ภูมิทัศน์การเมืองไทยสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตการต่อสู้ทางความคิด การปรับตัวของสถาบัน และการตื่นตัวของภาคประชาชน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาประชาธิปไตยให้หยั่งรากลึกในสังคม

อนาคตของประชาธิปไตยทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับการสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับการถกเถียง การเคารพความแตกต่างหลากหลาย การเสริมสร้างหลักนิติธรรม และที่สำคัญที่สุดคือการส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของสังคม การตระหนักถึงความสำคัญของวันนี้จึงเป็นก้าวแรกในการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนสำหรับคนทุกรุ่นต่อไป

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930