Shopping cart

รถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช คืบ! เปิดวิ่งปี 71 จริงไหม?

สารบัญ

ประเด็นคำถามที่ว่า รถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช คืบ! เปิดวิ่งปี 71 จริงไหม? เป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในสังคมไทย เนื่องจากเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเดินทางของประเทศ บทความนี้จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลความคืบหน้าล่าสุด อุปสรรคและความท้าทายต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของกำหนดการดังกล่าว

สรุปประเด็นสำคัญของโครงการ

  • สถานะความคืบหน้า: งานโยธาของโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่าอยู่ที่ประมาณ 38% ถึง 45% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าแต่ยังคงมีงานที่ต้องดำเนินการอีกมาก
  • เป้าหมายการเปิดให้บริการ: การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงยืนยันเป้าหมายการเปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2571 ซึ่งเป็นกำหนดการที่ท้าทายและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
  • ความท้าทายหลัก: โครงการเผชิญกับความล่าช้าหลายประการ ทั้งจากการส่งมอบพื้นที่ การปรับแบบก่อสร้าง รวมถึงความซับซ้อนในการเจรจาและติดตั้งงานระบบอาณัติสัญญาณและการเดินรถกับฝ่ายจีน
  • ค่าโดยสารเบื้องต้น: มีการประเมินอัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทางจากกรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมาไว้ที่ประมาณ 535 บาท โดยคำนวณจากอัตราเริ่มต้นบวกกับค่าโดยสารตามระยะทาง
  • อนาคตโครงการ: แม้จะมีอุปสรรค แต่โครงการนี้ยังคงเป็นหนึ่งในเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมที่สำคัญ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางและกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีนัยสำคัญ

ภาพรวมและความสำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูง

โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ เพื่อยกระดับการเดินทางและโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะลดระยะเวลาการเดินทาง แต่ยังถูกคาดหวังให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้วย

จุดเริ่มต้นของเมกะโปรเจกต์

โครงการนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี พ.ศ. 2560 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมโยงกรุงเทพมหานครกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นประตูสู่ภูมิภาคอินโดจีนในอนาคต ถือเป็นโครงการนำร่องที่จะขยายผลไปสู่เส้นทางหนองคายในระยะต่อไป เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative)

ทำไมเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมาจึงมีความสำคัญ

จังหวัดนครราชสีมา หรือ “โคราช” ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการคมนาคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การมีระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมตรงจากเมืองหลวงจะช่วยปลดล็อกศักยภาพในหลายมิติ:

  1. ลดเวลาการเดินทาง: จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์หรือรถไฟปกติ 3-5 ชั่วโมง จะลดลงเหลือเพียงประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะส่งเสริมทั้งการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ
  2. กระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค: การเข้าถึงที่รวดเร็วขึ้นจะดึงดูดการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม และบริการในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง
  3. ลดความแออัดบนท้องถนน: เป็นทางเลือกการเดินทางที่ช่วยลดปริมาณรถยนต์บนถนนมิตรภาพ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการจราจรหนาแน่น
  4. การพัฒนาเมืองรอบสถานี: เกิดการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงทั้ง 6 สถานี ได้แก่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์, ดอนเมือง, อยุธยา, สระบุรี, ปากช่อง และนครราชสีมา

เจาะลึกสถานะความคืบหน้าล่าสุด

การติดตามความคืบหน้าของโครงการเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินความเป็นไปได้ของกำหนดการเปิดให้บริการ โดยข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในส่วนของงานโยธา แต่ก็ยังคงมีความท้าทายในส่วนที่เหลือ

ความก้าวหน้างานโยธา

ข้อมูล ณ ช่วงกลางปี 2568 ระบุว่างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางโยธา ซึ่งแบ่งออกเป็น 14 สัญญา มีความคืบหน้าโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 43.8% – 45.65% ขณะที่ข้อมูลบางส่วน ณ ปลายปี 2567 อยู่ที่ราว 38% ตัวเลขที่แตกต่างกันอาจสะท้อนถึงช่วงเวลาการรายงานและวิธีการประเมินที่ต่างกันเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมคือมีบางสัญญาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% ในขณะที่บางสัญญายังคงดำเนินการก่อสร้างอยู่ โดยเฉพาะช่วงที่มีความซับซ้อนทางวิศวกรรมหรือต้องรอการส่งมอบพื้นที่

แม้ความคืบหน้าของงานโยธาจะเดินหน้าไปได้พอสมควร แต่ความท้าทายที่แท้จริงของโครงการรถไฟความเร็วสูงมักจะอยู่ในขั้นตอนของงานระบบอาณัติสัญญาณ การเดินรถ และการบูรณาการเทคโนโลยี ซึ่งเป็นขั้นตอนถัดไปที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับฝ่ายจีน

รายละเอียดเส้นทางและโครงสร้างหลัก

โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีระยะทางรวมประมาณ 250-253 กิโลเมตร ประกอบด้วยโครงสร้างทางวิ่งส่วนใหญ่เป็นทางยกระดับ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นคันดินและอุโมงค์ในบางช่วง โดยจะใช้รางขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge) 1.435 เมตร ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับรถไฟความเร็วสูง สามารถรองรับขบวนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

วิเคราะห์ไทม์ไลน์: เป้าหมายเปิดให้บริการปี 2571 เป็นไปได้เพียงใด

วิเคราะห์ไทม์ไลน์: เป้าหมายเปิดให้บริการปี 2571 เป็นไปได้เพียงใด

คำถามสำคัญที่ว่าโครงการจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามเป้าหมายในปี 2571 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการกับปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้ว่าภาครัฐจะแสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันโครงการให้สำเร็จตามกำหนด แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นในอดีตทำให้เกิดข้อกังวลต่อความเป็นไปได้ของไทม์ไลน์ดังกล่าว

ความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบ

โครงการขนาดใหญ่มักเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิดเสมอ สำหรับโครงการนี้ ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าประกอบด้วยหลายมิติ ทั้งด้านการบริหารจัดการ ด้านเทคนิค และการประสานงานระหว่างประเทศ

ประเด็นการส่งมอบพื้นที่และการปรับแบบก่อสร้าง

หนึ่งในปัญหาคลาสสิกของโครงการโครงสร้างพื้นฐานในไทยคือความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งเกิดจากกระบวนการเวนคืนที่ดินที่ซับซ้อน การรื้อย้ายสาธารณูปโภคใต้ดิน และการเจรจากับผู้ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การปรับแบบก่อสร้างในบางช่วงเส้นทาง เช่น การพิจารณาผลกระทบต่อพื้นที่มรดกโลกอยุธยา ทำให้ต้องใช้เวลาในการออกแบบและขออนุมัติเพิ่มเติม ส่งผลให้งานก่อสร้างในบางสัญญาไม่สามารถเริ่มต้นได้ตามแผน

ความซับซ้อนของงานระบบรถไฟและการเดินรถ

นอกเหนือจากงานโยธาแล้ว สัญญาที่สำคัญและมีความซับซ้อนสูงคือ สัญญา 2.3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานระบบราง ระบบไฟฟ้าและสัญญาณ ระบบสื่อสาร และการจัดหาขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศจีน การเจรจาในรายละเอียดทางเทคนิคและข้อตกลงเชิงพาณิชย์ในส่วนนี้มีความล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างฝ่ายไทยและจีนในประเด็นรูปแบบการบริหารจัดการการเดินรถ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสั่งผลิตและติดตั้งระบบทั้งหมด หากส่วนนี้ไม่สามารถหาข้อสรุปได้โดยเร็ว ก็อาจเป็นปัจจัยคอขวดที่ทำให้กำหนดการเปิดให้บริการต้องเลื่อนออกไป

มิติทางเศรษฐกิจ: ค่าโดยสารและรูปแบบการบริหาร

นอกเหนือจากด้านวิศวกรรมแล้ว มิติทางเศรษฐกิจยังเป็นอีกส่วนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นค่าโดยสารที่ประชาชนจะเข้าถึงได้ และรูปแบบการบริหารจัดการที่จะทำให้โครงการมีความยั่งยืนในระยะยาว

โครงสร้างค่าโดยสารโดยประมาณ

ตามข้อมูลการประเมินเบื้องต้นจากภาครัฐ โครงสร้างค่าโดยสารจะประกอบด้วยค่าแรกเข้า 80 บาท และจะบวกเพิ่มตามระยะทางในอัตรา 1.8 บาทต่อกิโลเมตร เมื่อคำนวณตลอดเส้นทางจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ถึงสถานีนครราชสีมา จะมีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 535 บาทต่อเที่ยว ซึ่งเป็นราคาที่แข่งขันได้กับการเดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินต้นทุนต่ำ และให้ความสะดวกสบายรวมถึงความรวดเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสารประจำทาง

การปรับเปลี่ยนโมเดลการบริหารจัดการ

เดิมทีมีการพิจารณาจัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาเพื่อบริหารการเดินรถโดยเฉพาะ แต่ล่าสุดได้มีการปรับแผนไปสู่รูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยอาจให้เอกชนเข้ามารับผิดชอบการเดินรถและซ่อมบำรุง (Operation and Maintenance) ในบางส่วนของโครงการ แนวทางนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำความเชี่ยวชาญและประสิทธิภาพของภาคเอกชนเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ลดภาระงบประมาณของภาครัฐ และสร้างความยั่งยืนทางการเงินให้กับโครงการในระยะยาว

เปรียบเทียบการเดินทางสู่โคราชในอนาคต

เมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงแล้วเสร็จ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังนครราชสีมา ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับรูปแบบการเดินทางในปัจจุบันได้ดังนี้

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังนครราชสีมา (ข้อมูลเป็นการประมาณการ)
รูปแบบการเดินทาง ระยะเวลา (โดยประมาณ) ค่าใช้จ่าย (โดยประมาณ) จุดเด่น
รถไฟความเร็วสูง 1.5 ชั่วโมง 535 บาท รวดเร็ว ปลอดภัย ตรงเวลา ไม่ขึ้นกับสภาพจราจร
รถยนต์ส่วนตัว 3 – 5 ชั่วโมง 700 – 1,000 บาท (ค่าน้ำมัน+ค่าทางด่วน) มีความเป็นส่วนตัว แวะพักได้ตามต้องการ
รถโดยสารประจำทาง 4 – 6 ชั่วโมง 250 – 400 บาท ราคาประหยัด เข้าถึงง่าย
รถไฟธรรมดา 5 – 7 ชั่วโมง 100 – 300 บาท ราคาถูกที่สุด ชมทิวทัศน์ระหว่างทาง

บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต

สรุปสำหรับคำถามที่ว่า รถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช คืบ! เปิดวิ่งปี 71 จริงไหม? คำตอบคือ ปี พ.ศ. 2571 เป็น เป้าหมายอย่างเป็นทางการ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยและรัฐบาลตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวยังคงมีความท้าทายสูงและขึ้นอยู่กับความสามารถในการแก้ไขปัญหาคอขวดที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะความล่าช้าในงานระบบรถไฟและการเดินรถ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ

แม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดการที่ชัดเจน แต่ความคืบหน้าของงานโยธาที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันโครงการให้สำเร็จลุล่วง โครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้จะยังคงเป็นอนาคตของระบบคมนาคมไทย และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การติดตามข้อมูลความคืบหน้าจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุดเกี่ยวกับอนาคตของเมกะโปรเจกต์นี้

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930