Shopping cart






ผู้ประกาศข่าวตกงาน! AI ยึดจอทีวี


ผู้ประกาศข่าวตกงาน! AI ยึดจอทีวี

สารบัญ

การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ และล่าสุดคืออุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน การเปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI ได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของอาชีพนี้และทิศทางของวงการข่าวในยุคดิจิทัล

  • เทคโนโลยีผู้ประกาศข่าว AI ถูกนำมาใช้จริงแล้วในประเทศไทย โดยสถานีข่าวเนชั่นทีวีเป็นผู้บุกเบิก
  • AI-Anchor สามารถทำงานได้หลากหลายเกินกว่าการอ่านข่าว เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์และพิธีกร
  • ความกังวลเรื่องผู้ประกาศตกงานกลายเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะตำแหน่งงานที่ทำหน้าที่ซ้ำๆ
  • การปรับตัวและพัฒนาทักษะเชิงลึก เช่น การวิเคราะห์ข่าว และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ คือกุญแจสำคัญในการอยู่รอดของคนข่าว

ปรากฏการณ์ ผู้ประกาศข่าวตกงาน! AI ยึดจอทีวี ได้กลายเป็นหัวข้อถกเถียงที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในวงการสื่อสารมวลชนไทย นับตั้งแต่การเปิดตัวผู้ประกาศข่าวปัญญาประดิษฐ์ (AI-Anchor) คนแรกของประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ของสื่อ ที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพทางอาชีพของผู้ประกาศข่าวมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงนี้บังคับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหันมาทบทวนบทบาทและเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง

ภาพรวมของเทคโนโลยี AI ในวงการสื่อ

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป แต่การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมสื่อนั้นมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ในอดีต AI อาจถูกใช้ในงานเบื้องหลัง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ชม หรือการจัดการคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในส่วนหน้าอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของ “ผู้ประกาศข่าว AI” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างการสังเคราะห์เสียง (Speech Synthesis), การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing), และคอมพิวเตอร์กราฟิก (Computer Graphics) เพื่อสร้างตัวตนเสมือนที่สามารถรายงานข่าวได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ

การเกิดขึ้นของ AI ในวงการสื่อเป็นผลมาจากความต้องการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ชมข่าวสารในยุคปัจจุบันต้องการความรวดเร็ว เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเสพข้อมูลผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม AI จึงเข้ามาตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างลงตัว โดยสามารถสร้างรายงานข่าวด่วน ข่าวสั้น หรือสรุปประเด็นสำคัญได้โดยอัตโนมัติและเผยแพร่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอทีมงานมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของเทคโนโลยีนี้ก็ได้สร้างคำถามถึงความน่าเชื่อถือ จริยธรรม และที่สำคัญที่สุดคืออนาคตของบุคลากรในสายงานสื่อสารมวลชน

จุดเปลี่ยนวงการสื่อ: กำเนิดผู้ประกาศข่าว AI ในไทย

ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของวงการข่าวสารอย่างเป็นทางการ เมื่อมีการเปิดตัวผู้ประกาศข่าวที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ได้อยู่แค่ในภาพยนตร์หรือห้องทดลองอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องส่งข่าวไปแล้ว

“ณัชชา” และ “ณิชชาน”: AI-Anchor คู่แรกของประเทศ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 สถานีข่าวเนชั่นทีวี ช่อง 22 ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดตัว “ณัชชา” ผู้ประกาศข่าว AI หญิง และ “ณิชชาน” ผู้ประกาศข่าว AI ชาย สู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย การปรากฏตัวของทั้งสองบนหน้าจอโทรทัศน์ได้สร้างความฮือฮาและจุดประกายการถกเถียงในวงกว้าง ทั้งสองถูกออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์และน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ สามารถรายงานข่าวสารด้วยความชัดเจนและแม่นยำตามสคริปต์ที่ป้อนเข้าไป

แต่บทบาทของ ณัชชา และ ณิชชาน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การอ่านข่าวตามสคริปต์เท่านั้น สถานีข่าวยังได้วางตำแหน่งให้ทั้งสองเป็นมากกว่าผู้ประกาศข่าว โดยมอบหมายภารกิจที่หลากหลาย เช่น การเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์, พิธีกรในงานอีเวนต์ต่างๆ, ผู้ดำเนินรายการในการประชุมเสมือนจริง (Virtual Conference) และยังทำหน้าที่เป็น Brand Ambassador ขององค์กรอีกด้วย แนวคิดนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ที่สามารถขยายขอบเขตของงานสื่อสารมวลชนไปสู่มิติใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือน

เหตุผลเบื้องหลังการนำ AI มาใช้อ่านข่าว

การตัดสินใจนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในงานประกาศข่าวมีปัจจัยขับเคลื่อนหลายประการด้วยกัน ปัจจัยหลักคือ ประสิทธิภาพและความเร็ว ในยุคที่ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว การรายงานข่าวด่วน (Breaking News) ให้ทันท่วงทีคือหัวใจสำคัญ AI สามารถสร้างและนำเสนอข่าวได้ในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากได้รับข้อมูล ซึ่งเร็วกว่ากระบวนการของมนุษย์ที่ต้องใช้เวลาเตรียมตัว นอกจากนี้ AI ยังสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่มีความเหนื่อยล้า ทำให้สถานีข่าวสามารถนำเสนอเนื้อหาได้อย่างต่อเนื่อง

อีกปัจจัยที่สำคัญคือ การลดต้นทุน ในระยะยาว การลงทุนพัฒนาหรือใช้งาน AI-Anchor อาจมีค่าใช้จ่ายสูงในช่วงแรก แต่สามารถช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากรได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน สวัสดิการ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ AI ยังช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซ้อนของผู้ประกาศข่าวมนุษย์ ทำให้พวกเขาสามารถทุ่มเทเวลาไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์เชิงลึกได้มากขึ้น เช่น การทำข่าวสืบสวนสอบสวน หรือการผลิตสารคดีเชิงข่าว

การนำ AI มาใช้ในห้องข่าวไม่ใช่การแทนที่มนุษย์ทั้งหมด แต่เป็นการจัดสรรทรัพยากรบุคคลให้ไปทำงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ยังไม่สามารถทำได้

ผลกระทบต่อตลาดแรงงาน: เมื่อผู้ประกาศข่าวอาจต้องตกงาน

ผลกระทบต่อตลาดแรงงาน: เมื่อผู้ประกาศข่าวอาจต้องตกงาน

แม้ว่าเทคโนโลยี AI จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายในด้านประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันได้สร้างความกังวลอย่างใหญ่หลวงต่อความมั่นคงในอาชีพของบุคลากรในวงการสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่ง “ผู้ประกาศข่าว” ที่ดูเหมือนจะถูกท้าทายโดยตรงจากความสามารถของ AI

ภาพรวมตลาดแรงงานปี 2025 กับความท้าทายจาก AI

แนวโน้มตลาดแรงงานทั่วโลกและในประเทศไทยในปี 2025 ชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ อาชีพที่มีลักษณะการทำงานเป็นแบบแผน ซ้ำซ้อน และไม่ต้องการการตัดสินใจที่ซับซ้อนหรือความคิดสร้างสรรค์ในระดับสูง ล้วนมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี อาชีพผู้ประกาศข่าว โดยเฉพาะในบทบาทของการ “อ่านข่าว” ตามสคริปต์ที่เตรียมไว้ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง

เมื่องานพื้นฐานอย่างการรายงานข่าวทั่วไป ข่าวสั้น หรือพยากรณ์อากาศ สามารถถูกจัดการโดย AI ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตำแหน่งงานสำหรับผู้ประกาศข่าวที่ทำหน้าที่เหล่านี้อาจลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด องค์กรสื่ออาจเลือกที่จะลงทุนใน AI-Anchor เพียงไม่กี่ตัวเพื่อครอบคลุมการรายงานข่าวพื้นฐานทั้งหมด และสงวนบุคลากรมนุษย์ไว้สำหรับรายการพิเศษหรือการรายงานข่าวเชิงลึกเท่านั้น ปรากฏการณ์นี้อาจนำไปสู่ภาวะ “ผู้ประกาศตกงาน” หากบุคลากรไม่สามารถปรับตัวและพัฒนาทักษะของตนเองให้ก้าวข้ามขีดความสามารถของ AI ได้

เปรียบเทียบความสามารถ: ผู้ประกาศข่าว AI ปะทะ มนุษย์

เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบอย่างชัดเจน การเปรียบเทียบความสามารถระหว่างผู้ประกาศข่าว AI และผู้ประกาศข่าวมนุษย์ในมิติต่างๆ จะช่วยให้เห็นภาพว่าส่วนใดที่ AI โดดเด่น และส่วนใดที่มนุษย์ยังคงมีความสำคัญและไม่สามารถทดแทนได้

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติและความสามารถระหว่างผู้ประกาศข่าว AI และผู้ประกาศข่าวมนุษย์
คุณสมบัติ ผู้ประกาศข่าว AI ผู้ประกาศข่าวมนุษย์
ความเร็วและความแม่นยำ สูงมาก สามารถประมวลผลและนำเสนอข้อมูลได้ทันทีตามสคริปต์ มีความผิดพลาดน้อยในการอ่าน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถส่วนบุคคล อาจเกิดความผิดพลาดได้ (Human Error)
ชั่วโมงการทำงาน ทำงานได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่มีความเหนื่อยล้า มีข้อจำกัดด้านเวลาการทำงาน ต้องการเวลาพักผ่อน
ต้นทุนการดำเนินงาน ต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่ต้นทุนระยะยาวต่ำกว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการ มีต้นทุนต่อเนื่องในด้านค่าตอบแทน สวัสดิการ และการฝึกอบรม
การวิเคราะห์เชิงลึกและการตีความ ยังมีข้อจำกัด ไม่สามารถวิเคราะห์ข่าวเชิงลึก ตั้งคำถาม หรือตีความบริบทที่ซับซ้อนได้ สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ ตีความนัยยะของข่าว และตั้งคำถามที่เฉียบคมได้
การสื่อสารทางอารมณ์ ขาดการแสดงออกทางอารมณ์ที่แท้จริง ไม่สามารถสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้ชมได้ สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก สร้างความเห็นอกเห็นใจ และสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ชมได้
ความคิดสร้างสรรค์และการด้นสด ไม่สามารถคิดนอกกรอบหรือด้นสดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ มีความสามารถในการด้นสด แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และปรับเปลี่ยนการนำเสนอให้เข้ากับสถานการณ์ได้
จริยธรรมและการตัดสินใจ ทำงานตามโปรแกรม ไม่มีความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรม มีความรับผิดชอบและสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของจรรยาบรรณสื่อได้

ทางรอดของคนข่าว: การปรับตัวและพัฒนาทักษะในยุคดิจิทัล

ท่ามกลางคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยี AI หนทางรอดของผู้ประกาศข่าวและบุคลากรในวงการสื่อไม่ได้อยู่ที่การต่อต้านเทคโนโลยี แต่อยู่ที่การปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จะทำให้ตนเองยังคงเป็นที่ต้องการและไม่สามารถถูกแทนที่ได้อย่างง่ายดาย

ทักษะที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้

แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังมีทักษะสำคัญหลายประการที่ยังคงเป็นจุดแข็งของมนุษย์ ทักษะเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดในอนาคต:

  • การคิดวิเคราะห์และวิพากษ์ (Critical Thinking): ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารในเชิงลึก การตั้งคำถามต่อแหล่งข่าว การตรวจสอบข้อเท็จจริง และการมองเห็นภาพรวมที่ซับซ้อนซึ่ง AI ยังไม่สามารถทำได้
  • ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): การสร้างสรรค์รูปแบบการนำเสนอข่าวที่แปลกใหม่น่าสนใจ การเล่าเรื่อง (Storytelling) ที่ดึงดูดใจ และการผลิตคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence): การเข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของผู้ชม การสัมภาษณ์ที่สามารถล้วงลึกถึงความรู้สึกของแหล่งข่าว และการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการสื่อสารที่จริงใจ
  • การทำข่าวสืบสวนสอบสวน (Investigative Journalism): กระบวนการที่ต้องใช้สัญชาตญาณ การสร้างเครือข่ายแหล่งข่าว และการปะติดปะต่อข้อมูลที่ซับซ้อนเพื่อเปิดเผยความจริง ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยความเป็นมนุษย์อย่างสูง

จากผู้อ่านข่าวสู่ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์เชิงลึก

อนาคตของผู้ประกาศข่าวไม่ได้อยู่ที่การเป็นเพียง “ผู้อ่านข่าว” (News Reader) อีกต่อไป แต่ต้องยกระดับตนเองขึ้นเป็น “ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์” (Content Creator) และ “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” (Subject-Matter Expert) การปรับเปลี่ยนบทบาทนี้จำเป็นต้องอาศัยการพัฒนาทักษะทางดิจิทัลที่หลากหลายและทันสมัย

ทักษะใหม่ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ การใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อสร้างฐานผู้ติดตามและสื่อสารกับผู้ชมโดยตรง, การรายงานข่าวแบบหลายแพลตฟอร์ม (Multi-platform Reporting) ที่สามารถปรับเนื้อหาให้เข้ากับช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ เว็บไซต์ พอดแคสต์ หรือวิดีโอสั้น, และ ทักษะการผลิตสื่อด้วยตนเอง เช่น การตัดต่อวิดีโอและเสียงเบื้องต้น เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว

นอกจากนี้ การเปลี่ยนจากการรายงานข่าวรายวันไปสู่การทำ ข้อมูลข่าวสารเชิงลึก (Data Journalism) และการวิเคราะห์ที่ซับซ้อน จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ การนำเสนอข่าวในรูปแบบที่ให้ความรู้และมุมมองที่แตกต่าง จะทำให้ผู้ประกาศข่าวมนุษย์ยังคงเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศข่าวสารที่ไม่สามารถขาดได้

บทสรุป: อนาคตของวงการข่าวสารและการอยู่ร่วมกัน

ปรากฏการณ์ ผู้ประกาศข่าวตกงาน! AI ยึดจอทีวี ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่คือความเป็นจริงที่วงการสื่อทั่วโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญหน้า การมาถึงของ AI-Anchor ได้เปลี่ยนแปลงสมการของอุตสาหกรรมข่าวสารอย่างถาวร โดยนำเสนอทั้งโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายต่อความมั่นคงในอาชีพของบุคลากรมนุษย์

อย่างไรก็ตาม อนาคตของวงการข่าวไม่ได้หมายถึงการแทนที่มนุษย์ด้วย AI อย่างสมบูรณ์ แต่เป็นการ “อยู่ร่วมกัน” และ “ทำงานร่วมกัน” มากกว่า AI จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการจัดการงานที่ซ้ำซ้อนและต้องการความรวดเร็ว เช่น การรายงานข่าวด่วน หรือการสรุปข้อมูล ซึ่งจะช่วยปลดปล่อยผู้ประกาศข่าวและนักข่าวมนุษย์ให้มีเวลาและทรัพยากรไปทุ่มเทกับงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์เชิงลึก การสืบสวนสอบสวน และการเล่าเรื่องที่สร้างผลกระทบทางอารมณ์

สำหรับผู้ที่อยู่ในสายอาชีพสื่อสารมวลชน การตระหนักรู้และเริ่มต้นปรับตัวตั้งแต่วันนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด การพัฒนาทักษะทางดิจิทัล การสร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการยกระดับตนเองจากผู้นำเสนอข้อมูลไปสู่ผู้สร้างสรรค์คุณค่า คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้สามารถอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ในภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง อนาคตของวงการสื่อจึงขึ้นอยู่กับว่าบุคลากรจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และสร้างสรรค์บทบาทใหม่ที่ปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถทดแทนได้สำเร็จหรือไม่


กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930