Shopping cart






ก.ล.ต. สั่งสอบ AI เทรดหุ้น กำไรเกินจริง?


ก.ล.ต. สั่งสอบ AI เทรดหุ้น กำไรเกินจริง?

สารบัญ

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในแวดวงการเงินและการลงทุนทั่วโลก รวมถึงในตลาดหุ้นไทย การเกิดขึ้นของแอปพลิเคชันและเครื่องมือที่ใช้ AI ช่วยเทรดหุ้นได้สร้างความตื่นตัวให้กับนักลงทุนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสความนิยมนี้ ก็เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะกรณีที่อ้างถึงผลกำไรที่สูงเกินจริง จนนำไปสู่การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของหน่วยงานกำกับดูแล

สรุปประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้

  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังดำเนินการตรวจสอบการใช้ AI ในการซื้อขายหุ้นที่อาจสร้างผลกำไรสูงผิดปกติและเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย
  • ก.ล.ต. อยู่ในระหว่างการพัฒนาระบบ AI ของตนเองเพื่อยกระดับการตรวจจับพฤติกรรมการเทรดที่น่าสงสัย เช่น การปั่นหุ้น หรือการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม
  • การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การต่อต้านเทคโนโลยี AI แต่เป็นการสร้างกลไกป้องกันการนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อรักษาเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของตลาดทุน
  • นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังต่อแพลตฟอร์มที่โฆษณาผลตอบแทนสูงเกินจริงและขาดความโปร่งใส ซึ่งอาจเป็นช่องทางของมิจฉาชีพในการหลอกลงทุนออนไลน์
  • ความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ เช่น ปปง. และ ดีเอสไอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในตลาดทุน

ประเด็นเรื่อง ก.ล.ต. สั่งสอบ AI เทรดหุ้น กำไรเกินจริง? ได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนไทย การเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ได้นำเสนอเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งรวมถึงระบบที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของแอปพลิเคชันบางประเภท เช่น ‘มันนี่บอท’ ที่อ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่สูงผิดปกติ ได้จุดประกายความกังวลถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในแง่ของการหลอกลวงนักลงทุนรายย่อย และการบิดเบือนกลไกตลาด ด้วยเหตุนี้ ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล จึงต้องเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนโดยรวม

จุดเริ่มต้นของการตรวจสอบ: ทำไม AI เทรดหุ้นจึงอยู่ในสายตา ก.ล.ต.

การเข้ามาตรวจสอบการใช้ AI เทรดหุ้นของ ก.ล.ต. มีที่มาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการคุ้มครองนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่อาจตกเป็นเหยื่อของคำโฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริง แพลตฟอร์มที่รับประกันผลตอบแทนที่สูงและปราศจากความเสี่ยงมักเป็นสัญญาณอันตรายของการหลอกลงทุนออนไลน์ การอ้างใช้เทคโนโลยี AI ที่ซับซ้อน ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปได้ยากสำหรับบุคคลทั่วไป และอาจสร้างความเสียหายทางการเงินในวงกว้างได้

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีภารกิจในการรักษาเสถียรภาพและความเป็นระเบียบของตลาดทุนโดยรวม การใช้ Algorithmic Trading หรือการซื้อขายด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การผนวก AI เข้ามาทำให้ระบบมีความซับซ้อนและคาดเดายากยิ่งขึ้น หากมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำ AI ไปใช้เพื่อปั่นหุ้น หรือสร้างราคาอย่างไม่เป็นธรรม อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและบิดเบือนกลไกราคาที่ควรจะเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น การที่ ก.ล.ต. เข้ามาตรวจสอบจึงเป็นการดำเนินการเชิงรุก เพื่อทำความเข้าใจเทคโนโลยีและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

AI เทรดหุ้นคืออะไร และทำงานอย่างไร

AI เทรดหุ้นคืออะไร และทำงานอย่างไร

เพื่อทำความเข้าใจถึงการดำเนินการของ ก.ล.ต. จำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องก่อน AI เทรดหุ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่โปรแกรมซื้อขายอัตโนมัติธรรมดา แต่เป็นระบบที่มีความสามารถในการเรียนรู้และตัดสินใจที่ซับซ้อนกว่ามาก

คำจำกัดความของ AI ในการลงทุน

AI เทรดหุ้น หรือ ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการลงทุน คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น และทำการตัดสินใจซื้อ-ขายหลักทรัพย์โดยอัตโนมัติ ความสามารถหลักของ AI คือการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ซึ่งทำให้ระบบสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนของตัวเองได้ตลอดเวลาจากข้อมูลใหม่ ๆ ที่ได้รับ โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน

ระบบเหล่านี้แตกต่างจาก Algorithmic Trading แบบดั้งเดิม ซึ่งทำงานตามชุดคำสั่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้า (Rule-based) อย่างตายตัว ในขณะที่ AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบที่ซับซ้อนซึ่งมนุษย์อาจมองไม่เห็น และปรับเปลี่ยนการกระทำตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว

กลไกการทำงานเบื้องหลังของปัญญาประดิษฐ์

กลไกการทำงานของ AI เทรดหุ้นประกอบด้วยหลายส่วนสำคัญ:

  • การรวบรวมข้อมูล (Data Collection): AI จะดึงข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต, งบการเงินของบริษัท, ข่าวสาร, บทวิเคราะห์, หรือแม้กระทั่งข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) เช่น ความรู้สึกของผู้คนบนโซเชียลมีเดีย
  • การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis): ด้วยการใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อน AI จะทำการวิเคราะห์เพื่อค้นหาความสัมพันธ์และรูปแบบที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลเหล่านั้น เช่น การหาแนวโน้มราคา, การตรวจจับสัญญาณการกลับตัวของตลาด, หรือการประเมินความเสี่ยง
  • การตัดสินใจ (Decision Making): จากผลการวิเคราะห์ AI จะสร้างสัญญาณซื้อ-ขาย และดำเนินการส่งคำสั่งไปยังตลาดหลักทรัพย์โดยอัตโนมัติ กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ทำให้สามารถฉกฉวยโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การเรียนรู้และปรับปรุง (Learning and Optimization): หลังจากทำการซื้อขายไปแล้ว AI จะประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และนำข้อมูลนั้นกลับมาเป็น “บทเรียน” เพื่อปรับปรุงโมเดลการตัดสินใจของตนเองให้แม่นยำยิ่งขึ้นในอนาคต กระบวนการนี้เรียกว่า “Reinforcement Learning”

ภารกิจของ ก.ล.ต. ในการใช้ AI สู้กับ AI

เมื่อเทคโนโลยีถูกนำมาใช้ในตลาดทุน การกำกับดูแลก็จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันสมัยตามไปด้วย ก.ล.ต. จึงไม่ได้เป็นเพียงผู้ตั้งรับ แต่กำลังพัฒนาเครื่องมือของตนเองเพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนการ “ใช้ AI สู้กับ AI”

การพัฒนาระบบ AI เพื่อการกำกับดูแลโดยเฉพาะ

ก.ล.ต. ได้เปิดเผยแผนการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ของตนเองขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อทดแทนระบบสำเร็จรูปที่เคยใช้งานจากต่างประเทศ แนวทางนี้มีข้อดีคือสามารถออกแบบระบบให้สอดคล้องกับบริบทและลักษณะเฉพาะของตลาดหุ้นไทยได้อย่างเต็มที่ หัวใจสำคัญของระบบนี้คือการใช้ประโยชน์จาก Big Data ที่ ก.ล.ต. มีอยู่ ซึ่งรวมถึงข้อมูลการซื้อขายทั้งหมดในตลาด ข้อมูลนักลงทุน และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

อัลกอริทึมที่จะถูกพัฒนาขึ้นจะเน้นไปที่การวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการเทรดของนักลงทุนแต่ละกลุ่มอย่างละเอียด ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นภาพรวมของตลาดและตรวจจับความผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม

เป้าหมายหลัก: ตรวจจับพฤติกรรมซื้อขายที่ผิดปกติ

วัตถุประสงค์หลักของการนำ AI มาใช้ในการกำกับดูแล ไม่ใช่การจับผิดนักลงทุนที่ทำกำไรได้สูง แต่เป็นการมองหาพฤติกรรมที่เข้าข่ายการกระทำที่ไม่เป็นธรรม (Unfair Trading Practices) ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายและทำลายความเชื่อมั่นของตลาด ตัวอย่างพฤติกรรมที่ระบบ AI ของ ก.ล.ต. จะเฝ้าระวัง ได้แก่:

  • การปั่นหุ้น (Market Manipulation): การซื้อขายหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มบุคคลที่รู้เห็นกัน เพื่อทำให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด และลวงให้นักลงทุนทั่วไปเข้ามาซื้อขายตาม
  • การใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading): การที่บุคคลที่ล่วงรู้ข้อมูลสำคัญของบริษัทที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ นำข้อมูลนั้นมาใช้ประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น
  • การจับคู่ซื้อขายกันเอง (Wash Trading): การส่งคำสั่งซื้อและขายหลักทรัพย์เดียวกันในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยที่ไม่ได้มีเจตนาจะเปลี่ยนความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เพื่อสร้างปริมาณการซื้อขายเทียม

“AI จะช่วยติดตามความถี่และรูปแบบการเทรดหุ้นที่น่าสงสัย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการตรวจจับการกระทำผิด และนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมายหากพบความผิด”

ระบบ AI จะทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยอัจฉริยะของเจ้าหน้าที่ โดยการคัดกรองธุรกรรมที่น่าสงสัยหลายล้านรายการในแต่ละวัน และแจ้งเตือนเมื่อพบรูปแบบที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการกระทำผิดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทำให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความเสี่ยงและข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนยุคดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นดาบสองคม นักลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเพื่อปกป้องตนเอง การปรากฏตัวของ AI เทรดหุ้นได้สร้างทั้งโอกาสและความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

ความจริงเบื้องหลังคำว่า ‘กำไรเกินจริง’

คำว่า “กำไรเกินจริง” เป็นวลีที่ต้องตีความอย่างระมัดระวัง ในโลกของการลงทุน ผลตอบแทนที่สูงมักมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเป็นเงาตามตัว (High Risk, High Return) เสมอ แพลตฟอร์มที่อ้างว่าสามารถสร้างผลกำไรได้สูงอย่างสม่ำเสมอโดยมีความเสี่ยงต่ำหรือไม่มีเลยนั้น ขัดต่อหลักการพื้นฐานของการลงทุน

นักลงทุนควรตั้งคำถามเสมอว่าผลกำไรนั้นมาจากที่ใด หากเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้กลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น การใช้ Leverage หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ก็อาจสร้างผลกำไรได้มากในระยะสั้น แต่ก็มีโอกาสขาดทุนมหาศาลได้เช่นกัน สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือกรณีที่ผลกำไรดังกล่าวไม่ได้มาจากการลงทุนจริง แต่เป็นเพียงตัวเลขที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) ที่ใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายให้กับรายเก่า

สัญญาณเตือนภัยกลโกงหลอกลงทุนออนไลน์

เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลงทุนที่ใช้ AI มาบังหน้า นักลงทุนควรสังเกตสัญญาณเตือนภัยต่อไปนี้:

  • การการันตีผลตอบแทน: ไม่มี-การลงทุนใดในตลาดทุนที่สามารถการันตีผลตอบแทนได้ 100%
  • การโฆษณาที่เน้นแต่ด้านดี: แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือจะให้ข้อมูลความเสี่ยงควบคู่ไปกับโอกาสเสมอ
  • การเร่งรัดให้ตัดสินใจ: มิจฉาชีพมักสร้างแรงกดดันให้นักลงทุนรีบโอนเงิน โดยอ้างว่าเป็นโอกาสพิเศษที่มีจำกัด
  • ขาดความโปร่งใส: ไม่สามารถอธิบายกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างชัดเจน หรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและทีมผู้พัฒนา
  • ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล: ผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมายมักจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตารางเปรียบเทียบลักษณะของแพลตฟอร์ม AI เทรดหุ้นที่น่าเชื่อถือและเข้าข่ายหลอกลวง
คุณลักษณะ แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ แพลตฟอร์มที่เข้าข่ายหลอกลวง
การอ้างผลตอบแทน แสดงผลการดำเนินงานในอดีต พร้อมคำเตือนว่าไม่ใช่สิ่งการันตีอนาคต การันตีผลตอบแทนที่สูงและแน่นอน (เช่น 5% ต่อวัน)
ความโปร่งใส เปิดเผยหลักการและกลยุทธ์การลงทุนเบื้องต้น มีเอกสารประกอบชัดเจน อ้างว่าเป็น “สูตรลับ” หรือ “อัลกอริทึมอัจฉริยะ” ที่เปิดเผยไม่ได้
การกำกับดูแล อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. หรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือในต่างประเทศ ไม่มีใบอนุญาต หรืออ้างอิงหน่วยงานกำกับดูแลปลอมที่ไม่มีอยู่จริง
การให้ข้อมูลความเสี่ยง มีการแจ้งเตือนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุนอย่างชัดเจน บอกว่าไม่มีความเสี่ยง หรือมีความเสี่ยงต่ำมากจนไม่น่าเป็นไปได้
ช่องทางการติดต่อ มีที่อยู่บริษัท ช่องทางการติดต่อ และทีมบริการลูกค้าที่ชัดเจน ติดต่อได้ผ่านแอปพลิเคชันแชตเท่านั้น ไม่สามารถตรวจสอบตัวตนได้

อนาคตของการกำกับดูแลตลาดทุนไทย

การเคลื่อนไหวของ ก.ล.ต. ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของการกำกับดูแลตลาดทุนในอนาคต ที่จะต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยีและทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

การผนึกกำลังกับหน่วยงานพันธมิตร

การกระทำผิดในตลาดทุนยุคใหม่มักมีความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ เช่น การฟอกเงิน ก.ล.ต. จึงมีแผนที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานตรวจสอบอื่น ๆ อย่างเข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการทำงานร่วมกันจะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น สามารถติดตามเส้นทางการเงินและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการก่อเหตุก็ตาม

กฎหมายและข้อบังคับที่ต้องปรับตัวตามเทคโนโลยี

เทคโนโลยีมักพัฒนาไปเร็วกว่ากฎหมายเสมอ นี่คือความท้าทายสำคัญของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก การที่ ก.ล.ต. เริ่มศึกษาและพัฒนาระบบ AI ของตนเอง เป็นการส่งสัญญาณว่าหน่วยงานกำลังเตรียมพร้อมที่จะปรับปรุงกฎระเบียบให้เท่าทันกับภูมิทัศน์ของตลาดที่เปลี่ยนไป ในอนาคตอาจมีการออกกฎเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Algorithmic Trading และ AI เพื่อให้แน่ใจว่าการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้จะเป็นไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตลาด ไม่ใช่เพื่อสร้างความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรม

บทสรุป: การลงทุนอย่างมีสติในยุค AI

การที่ ก.ล.ต. สั่งสอบ AI เทรดหุ้น กำไรเกินจริง? ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายและความจำเป็นในการปรับตัวของทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทย การดำเนินการของ ก.ล.ต. ไม่ได้เป็นการขัดขวางนวัตกรรม แต่เป็นการวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม โดยการสร้างกลไกป้องกันการนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิด

สำหรับนักลงทุน ปัญญาประดิษฐ์ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูง แต่ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะสร้างผลกำไรโดยปราศจากความเสี่ยง การลงทุนยังคงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ การวิเคราะห์ และการตัดสินใจอย่างรอบคอบ การตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงและสัญญาณเตือนของกลโกงหลอกลงทุนออนไลน์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในยุคดิจิทัล การตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและทำความเข้าใจความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเองยังคงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการนำทางโลกการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและมั่นคง


กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930