เคาะแล้ว! ‘เที่ยวไทยมีเฮ’ แจกเงินเที่ยว เช็กเงื่อนไขที่นี่
- สรุปประเด็นสำคัญของโครงการ ‘เที่ยวไทยมีเฮ’
- ภาพรวมโครงการ ‘เที่ยวไทยมีเฮ’: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวปี 2568
- เจาะลึกเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์แบบละเอียด
- ขั้นตอนการลงทะเบียนและใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน TAGTHAi
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- เปรียบเทียบภาพรวมกับโครงการในอดีต
- บทสรุปและแนวทางการเตรียมความพร้อม
รัฐบาลได้อนุมัติโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศครั้งใหม่ ซึ่งเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวาง โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเดินทางและกระจายรายได้สู่ภาคการท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) เพื่อรักษาความคึกคักของเศรษฐกิจฐานราก
สรุปประเด็นสำคัญของโครงการ ‘เที่ยวไทยมีเฮ’
- การสนับสนุนค่าใช้จ่าย: รัฐบาลช่วยสนับสนุนค่าที่พัก 50% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน
- จำนวนสิทธิ์ต่อบุคคล: จำกัดสิทธิ์การจองที่พักสูงสุดไม่เกิน 5 สิทธิ์ต่อคน รวมเป็นจำนวนคืนที่พักที่ได้รับส่วนลดสูงสุด 10 คืนตลอดโครงการ
- แพลตฟอร์มหลัก: การลงทะเบียนและใช้สิทธิ์จะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันใหม่ชื่อ “TAGTHAi” (ทักทาย)
- ช่วงเวลาดำเนินโครงการ: เน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ Low Season โดยคาดว่าจะเริ่มต้นประมาณเดือนมิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
- จำนวนสิทธิ์ทั้งหมด: โครงการจำกัดจำนวนสิทธิ์รวมทั้งสิ้น 500,000 สิทธิ์ ตลอดระยะเวลาโครงการ
ภาพรวมโครงการ ‘เที่ยวไทยมีเฮ’: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวปี 2568
หลังจากที่หลายฝ่ายรอคอย ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปและ เคาะแล้ว! ‘เที่ยวไทยมีเฮ’ แจกเงินเที่ยว เช็กเงื่อนไขที่นี่ ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในการสื่อสารโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศล่าสุด หรือที่รู้จักในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” (โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ปี 2568) มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยภาครัฐจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อจูงใจให้เกิดการเดินทางและใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น
ความเกี่ยวข้องของโครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศ การส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายเม็ดเงินไปยังผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ไปจนถึงธุรกิจบริการและร้านค้าของที่ระลึกในระดับท้องถิ่น
ที่มาและความสำคัญของโครงการ
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยวที่มักเกิดขึ้นในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ “โลว์ซีซั่น” ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการเข้าพักของโรงแรมและจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด การอัดฉีดเม็ดเงินผ่านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายโดยตรงจึงเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเป็นรูปธรรม
ความสำคัญของโครงการไม่ได้หยุดอยู่แค่การเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการรักษาการจ้างงานในอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งมีความเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้คนไทยได้มีโอกาสสำรวจและสัมผัสความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในประเทศ อันเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางซ้ำในอนาคต
เป้าหมายหลัก: ฟื้นฟูการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น
หัวใจสำคัญของโครงการคือการกำหนดช่วงเวลาดำเนินการให้อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น โดยคาดว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 เป็นต้นไป การเลือกช่วงเวลานี้มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน:
- การกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว: ช่วยลดความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มักจะกระจุกตัวในช่วงไฮซีซั่น ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น
- การช่วยเหลือผู้ประกอบการ: ช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักและสร้างรายได้ให้กับโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาที่โดยปกติแล้วจะมีลูกค้าน้อย
- การสร้างเสถียรภาพทางรายได้: ช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวมีกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้เฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว
โครงการ “เที่ยวไทยมีเฮ” จึงไม่ใช่แค่การแจกเงินเพื่อการท่องเที่ยว แต่เป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่มุ่งสร้างสมดุลและเสถียรภาพให้กับระบบนิเวศการท่องเที่ยวของไทยในระยะยาว
เจาะลึกเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์แบบละเอียด
เพื่อให้การใช้สิทธิ์เป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุด การทำความเข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียดของสิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยโครงการได้กำหนดกลไกการสนับสนุนที่ชัดเจนเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลไกการสนับสนุนค่าที่พัก 50%
สิทธิประโยชน์หลักที่นักท่องเที่ยวจะได้รับคือการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านที่พักจากภาครัฐในอัตราร้อยละ 50 ของราคาห้องพักตามจริง หลักการทำงานของกลไกนี้มีความเรียบง่ายและโปร่งใส ผู้เข้าร่วมโครงการจะชำระค่าที่พักเพียงครึ่งหนึ่งของราคาเต็ม ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายให้กับผู้ประกอบการโรงแรมโดยตรงผ่านระบบที่กำหนดไว้
ตัวอย่างเช่น หากนักท่องเที่ยวจองห้องพักในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการในราคา 2,800 บาทต่อคืน เมื่อใช้สิทธิ์ตามโครงการ นักท่องเที่ยวจะชำระเงินเพียง 1,400 บาท และรัฐบาลจะสนับสนุนเงินอีก 1,400 บาทให้กับทางโรงแรม กลไกนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้อย่างมีนัยสำคัญ และทำให้การตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปได้ง่ายขึ้น
การคำนวณสิทธิ์: สูงสุด 3,000 บาทต่อคืน
แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50% แต่มีการกำหนดเพดานสูงสุดของเงินสนับสนุนไว้ที่ 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ซึ่งหมายความว่า หากค่าที่พัก 50% มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท รัฐบาลจะสนับสนุนให้สูงสุดเพียง 3,000 บาทเท่านั้น ส่วนต่างที่เกินมานั้นนักท่องเที่ยวจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระเพิ่มเติม
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถพิจารณาจากสถานการณ์จำลองต่อไปนี้:
- กรณีที่ 1: ค่าห้องพัก 4,000 บาท/คืน
- คำนวณ 50% ของค่าห้อง: 4,000 x 50% = 2,000 บาท
- เงินสนับสนุนจากรัฐ (ไม่เกิน 3,000 บาท): 2,000 บาท
- นักท่องเที่ยวชำระ: 2,000 บาท
- กรณีที่ 2: ค่าห้องพัก 6,000 บาท/คืน
- คำนวณ 50% ของค่าห้อง: 6,000 x 50% = 3,000 บาท
- เงินสนับสนุนจากรัฐ (ไม่เกิน 3,000 บาท): 3,000 บาท
- นักท่องเที่ยวชำระ: 3,000 บาท
- กรณีที่ 3: ค่าห้องพัก 8,000 บาท/คืน
- คำนวณ 50% ของค่าห้อง: 8,000 x 50% = 4,000 บาท
- เงินสนับสนุนจากรัฐ (ไม่เกิน 3,000 บาท): 3,000 บาท
- นักท่องเที่ยวชำระ: 8,000 – 3,000 = 5,000 บาท
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า โครงการนี้ให้ประโยชน์สูงสุดกับที่พักที่มีราคาไม่เกิน 6,000 บาทต่อคืน ซึ่งครอบคลุมโรงแรมและรีสอร์ทส่วนใหญ่ในประเทศ
โควต้าและจำนวนสิทธิ์ที่ต้องรู้
อีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญที่ต้องทราบคือโควต้าของสิทธิ์ ทั้งในระดับบุคคลและระดับภาพรวมของโครงการ
- สิทธิ์ต่อบุคคล: นักท่องเที่ยว 1 คน จะได้รับสิทธิ์ในการจองที่พักพร้อมส่วนลดทั้งหมด 5 สิทธิ์ ซึ่งสามารถใช้รวมกันได้สูงสุดถึง 10 คืนตลอดระยะเวลาโครงการ หมายความว่า นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางได้ทั้งแบบทริปสั้นๆ หลายครั้ง หรือทริปยาวหนึ่งครั้ง โดยใช้สิทธิ์ให้ครบ 10 คืน
- สิทธิ์รวมทั้งโครงการ: โครงการนี้มีจำนวนสิทธิ์จำกัดเพียง 500,000 สิทธิ์ เท่านั้น ซึ่งจะจัดสรรตามลำดับก่อนหลัง (First-come, first-served) ดังนั้น การเตรียมความพร้อมและติดตามข่าวสารเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ทันทีที่เปิดให้ดำเนินการจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสิทธิ์อาจหมดลงอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนการลงทะเบียนและใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน TAGTHAi
สำหรับโครงการ “เที่ยวไทยมีเฮ” ปี 2568 นี้ ภาครัฐได้กำหนดให้ใช้แอปพลิเคชันใหม่ที่มีชื่อว่า “TAGTHAi” (ทักทาย) เป็นแพลตฟอร์มกลางในการดำเนินงานทั้งหมด ตั้งแต่การลงทะเบียนยืนยันตัวตน ไปจนถึงการค้นหา จองที่พัก และชำระเงิน
ทำความรู้จัก TAGTHAi: แอปพลิเคชันหัวใจหลักของโครงการ
TAGTHAi ถูกวางตัวให้เป็นมากกว่าแค่แอปพลิเคชันสำหรับรับสิทธิ์ แต่เป็นประตูสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยคาดว่าจะมีฟังก์ชันการทำงานที่ครอบคลุมความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น:
- ระบบลงทะเบียนและยืนยันตัวตน: กระบวนการที่รวดเร็วและปลอดภัย เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้รับสิทธิ์
- ระบบค้นหาและจองที่พัก: แสดงรายชื่อโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมรายละเอียด ราคา และห้องว่าง
- ระบบจัดการสิทธิ์: แสดงจำนวนสิทธิ์คงเหลือ และประวัติการใช้งาน
- ระบบชำระเงินที่ปลอดภัย: เชื่อมต่อกับช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการจ่ายเงินส่วนของนักท่องเที่ยว
แนวทางการลงทะเบียนและรับสิทธิ์ที่คาดการณ์
แม้ว่าขั้นตอนอย่างเป็นทางการจะประกาศอีกครั้ง แต่สามารถคาดการณ์กระบวนการเบื้องต้นได้ดังนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: เมื่อโครงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TAGTHAi จาก App Store หรือ Google Play Store
- ลงทะเบียนและยืนยันตัวตน: สร้างบัญชีผู้ใช้และดำเนินการยืนยันตัวตน ซึ่งอาจต้องใช้ข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนและถ่ายภาพใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบ
- กดรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ: ภายในแอปพลิเคชันจะมีเมนูหรือปุ่มสำหรับกดเพื่อยืนยันการเข้าร่วมโครงการ “เที่ยวไทยมีเฮ”
- ค้นหาและเลือกโรงแรม: ใช้ฟังก์ชันค้นหาเพื่อเลือกโรงแรมและวันที่ต้องการเข้าพักจากรายชื่อที่พักที่เข้าร่วมโครงการ
- จองและชำระเงิน: เมื่อเลือกห้องพักได้แล้ว ระบบจะคำนวณส่วนลด 50% (ไม่เกิน 3,000 บาท) ให้อัตโนมัติ จากนั้นให้ดำเนินการชำระเงินส่วนที่เหลือผ่านช่องทางที่แอปพลิเคชันกำหนด
- เช็คอิน ณ ที่พัก: เมื่อถึงวันเข้าพัก ให้แสดงข้อมูลการจองจากแอปพลิเคชัน TAGTHAi ต่อเจ้าหน้าที่โรงแรมเพื่อยืนยันการเข้าพัก
*หมายเหตุ: ขั้นตอนดังกล่าวเป็นเพียงการคาดการณ์จากข้อมูลเบื้องต้น โปรดติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอีกครั้ง*
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในลักษณะนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวเพียงฝ่ายเดียว แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในระดับชุมชนและท้องถิ่น
การกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการท้องถิ่น
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ การใช้จ่ายไม่ได้จำกัดอยู่แค่ค่าที่พัก แต่ยังรวมถึงค่าอาหาร ค่าเดินทาง การซื้อของที่ระลึก และการใช้บริการจากธุรกิจในท้องถิ่น ซึ่งก่อให้เกิด “ผลกระทบตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจ” (Economic Multiplier Effect) กล่าวคือ เงิน 1 บาทที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายจะถูกหมุนเวียนและสร้างรายได้ต่อไปยังภาคส่วนอื่นๆ อีกหลายทอด ช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็งและยั่งยืนมากขึ้น
มุมมองของนักท่องเที่ยว: ข้อดีและสิ่งที่ต้องพิจารณา
สำหรับนักท่องเที่ยว โครงการนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยต้นทุนที่ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อวางแผนให้ดีที่สุด
- ข้อดี:
- ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านที่พักได้อย่างชัดเจน
- เป็นแรงจูงใจให้ออกไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยอยู่ในแผน
- มีโอกาสเลือกพักในโรงแรมที่มีคุณภาพสูงขึ้นในงบประมาณเท่าเดิม
- สิ่งที่ต้องพิจารณา:
- จำนวนสิทธิ์มีจำกัด ต้องอาศัยความรวดเร็วในการลงทะเบียน
- โรงแรมยอดนิยมในแหล่งท่องเที่ยวหลักอาจถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว
- ต้องวางแผนการเดินทางให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของโครงการ
- การใช้งานต้องผ่านแอปพลิเคชันที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้
เปรียบเทียบภาพรวมกับโครงการในอดีต
โครงการ “เที่ยวไทยมีเฮ” หรือ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ปี 2568 นี้ มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางประการเมื่อเทียบกับโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในอดีต เช่น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟสก่อนๆ เพื่อให้ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติ | โครงการเที่ยวไทยมีเฮ (ปี 2568) | โครงการในอดีต (ลักษณะทั่วไป) |
---|---|---|
วงเงินสนับสนุนค่าที่พัก | 50% สูงสุด 3,000 บาท/คืน | มักอยู่ในช่วง 40-50% และมีเพดานสนับสนุนที่แตกต่างกันไปในแต่ละเฟส |
จำนวนสิทธิ์ต่อคน | สูงสุด 10 คืน (5 สิทธิ์) | แตกต่างกันไปในแต่ละเฟส อาจมีจำนวนคืนน้อยหรือมากกว่า |
แพลตฟอร์มหลัก | แอปพลิเคชันใหม่ TAGTHAi | มักใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เป็นหลัก |
สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม | ข้อมูลระบุเน้นที่ค่าที่พักเป็นหลัก | บางเฟสอาจมีคูปอง E-voucher สำหรับค่าอาหาร/ท่องเที่ยว หรือส่วนลดค่าตั๋วเครื่องบิน |
กลุ่มเป้าหมายหลัก | เน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วง Low Season | มีทั้งช่วงที่เน้นกระตุ้นทั่วไปและเน้นช่วงเวลาเฉพาะ |
บทสรุปและแนวทางการเตรียมความพร้อม
โครงการ ‘เที่ยวไทยมีเฮ’ หรือ ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ ปี 2568 ถือเป็นมาตรการสำคัญที่จะเข้ามาช่วยฟื้นฟูบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าไปที่ช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งจะช่วยพยุงผู้ประกอบการและกระจายรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิทธิประโยชน์จากการสนับสนุนค่าที่พัก 50% สูงสุด 3,000 บาทต่อคืน เป็นสิ่งจูงใจที่ทรงพลังสำหรับนักเดินทาง อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนสิทธิ์ที่จำกัดเพียง 500,000 สิทธิ์ การเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นกุญแจสำคัญ
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ควรเริ่มเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้:
- ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด: เฝ้าระวังประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อทราบกำหนดการที่แน่ชัดในการเปิดลงทะเบียน
- เตรียมเอกสารส่วนตัว: จัดเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นสำหรับการยืนยันตัวตนในระบบออนไลน์
- วางแผนการเดินทางล่วงหน้า: เริ่มค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรมที่สนใจ เพื่อให้สามารถตัดสินใจและดำเนินการจองได้อย่างรวดเร็วเมื่อโครงการเปิดให้ใช้สิทธิ์
- เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี: ตรวจสอบสมาร์ทโฟนให้พร้อมสำหรับการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน TAGTHAi ที่จะเปิดตัวใหม่
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับสิทธิ์และใช้ประโยชน์จากโครงการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ แต่ยังมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย