Shopping cart

ไม่ต้องง้อถนน! โดรนแท็กซี่บินทั่วกรุงแล้ว

สารบัญ

แนวคิดเรื่อง ไม่ต้องง้อถนน! โดรนแท็กซี่บินทั่วกรุงแล้ว กำลังจะกลายเป็นความจริงในหลายมหานครทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้แก้ไขปัญหารถติดที่เรื้อรัง นวัตกรรมแท็กซี่บินได้ หรือที่รู้จักในชื่อโดรนแท็กซี่ กำลังก้าวข้ามจากภาพยนตร์ไซไฟมาสู่การเป็นทางเลือกใหม่ของการคมนาคมในเมือง ที่จะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางและปฏิวัติวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างสิ้นเชิง

ภาพรวมนวัตกรรมการเดินทางแห่งอนาคต

  • โดรนแท็กซี่เป็นอากาศยานไฟฟ้าที่บินขึ้น-ลงในแนวดิ่ง (eVTOL) ซึ่งออกแบบมาเพื่อการขนส่งผู้โดยสารในเขตเมืองโดยเฉพาะ เพื่อเป็นทางออกสำหรับปัญหาการจราจรติดขัด
  • บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกกำลังพัฒนาและทดสอบโดรนแท็กซี่อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเมืองสำคัญๆ ภายในปี 2025-2026
  • ความท้าทายหลักในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานจริงประกอบด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น สถานีขึ้น-ลง (Vertiport) รวมถึงการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยและกฎระเบียบที่รัดกุม
  • สำหรับกรุงเทพมหานคร โดรนแท็กซี่ถือเป็นนวัตกรรมการเดินทางที่มีศักยภาพสูงในการพลิกโฉมระบบคมนาคม ลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างย่านธุรกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมือง

แนวคิดเรื่อง ไม่ต้องง้อถนน! โดรนแท็กซี่บินทั่วกรุงแล้ว สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระบบคมนาคมในเมืองใหญ่ทั่วโลก ปัญหาการจราจรที่แออัดได้กลายเป็นข้อจำกัดในการเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนมาอย่างยาวนาน ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมการบินและเทคโนโลยีจึงได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมที่เรียกว่า “แท็กซี่บินได้” หรือ โดรนแท็กซี่ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นวัตกรรมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในห้องทดลองอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นบริการเชิงพาณิชย์ที่จับต้องได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยมีเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วโลกเตรียมพร้อมที่จะเป็นพื้นที่นำร่อง การเกิดขึ้นของโดรนแท็กซี่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความหนาแน่นบนท้องถนน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจและสร้างระบบนิเวศการเดินทางที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างภาคพื้นดินและทางอากาศ บทความนี้จะสำรวจเทคโนโลยีเบื้องหลังโดรนแท็กซี่ สถานการณ์การพัฒนาในระดับโลก ความท้าทายที่ต้องเผชิญ และศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ต่ออนาคตการคมนาคมของกรุงเทพมหานคร

ทำความรู้จัก ‘แท็กซี่บินได้’: เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมเมือง

หัวใจสำคัญของแท็กซี่บินได้คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า eVTOL (Electric Vertical Take-Off and Landing) ซึ่งหมายถึงอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและสามารถขึ้น-ลงในแนวดิ่งได้โดยไม่ต้องใช้รันเวย์ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งานในพื้นที่จำกัดของเมืองใหญ่

นิยามและหลักการทำงานของโดรนแท็กซี่

โดรนแท็กซี่ หรือ อากาศยานสำหรับคมนาคมในเมือง (Urban Air Mobility – UAM) คืออากาศยานขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อขนส่งผู้โดยสารจำนวนน้อย (โดยทั่วไป 1-4 คน) ในระยะทางสั้นถึงปานกลางภายในเขตเมืองหรือระหว่างเมืองใกล้เคียง จุดเด่นของมันคือการทำงานแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องมีนักบินบนเครื่อง ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดจากมนุษย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

หลักการทำงานพื้นฐานของ eVTOL คือการใช้ใบพัดหรือโรเตอร์จำนวนหลายตัวที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างแรงยกเพื่อบินขึ้นในแนวดิ่งคล้ายกับเฮลิคอปเตอร์ แต่มีความเงียบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อขึ้นสู่ระดับความสูงที่ต้องการแล้ว อากาศยานบางรุ่นสามารถปรับทิศทางของใบพัดเพื่อบินไปข้างหน้าในแนวนอนคล้ายเครื่องบิน ซึ่งช่วยให้ทำความเร็วและเดินทางได้ไกลขึ้น การควบคุมการบินทั้งหมดอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูง เซ็นเซอร์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการนำทางและหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

เทคโนโลยีหลักที่ขับเคลื่อนอากาศยาน eVTOL

ความสำเร็จของโดรนแท็กซี่เกิดขึ้นจากการผสานรวมเทคโนโลยีหลายแขนงเข้าด้วยกัน:

  • ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Distributed Electric Propulsion – DEP): แทนที่จะใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เพียงเครื่องเดียว เทคโนโลยี DEP ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กจำนวนหลายตัวติดตั้งอยู่ตามส่วนต่างๆ ของอากาศยาน ข้อดีคือหากมอเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งขัดข้อง ตัวที่เหลือยังสามารถทำงานต่อไปได้ ทำให้มีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังช่วยให้การควบคุมการบินมีความแม่นยำและตอบสนองได้ดีขึ้น
  • เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูง: การพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงและน้ำหนักเบา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบินด้วยไฟฟ้าเป็นไปได้จริง การวิจัยและพัฒนายังคงดำเนินต่อไปเพื่อเพิ่มระยะทางและลดระยะเวลาในการชาร์จ
  • ระบบการบินอัตโนมัติ (Autonomous Flight Systems): โดรนแท็กซี่ต้องพึ่งพาระบบการบินอัตโนมัติที่ซับซ้อน ซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลายชนิด เช่น LiDAR, เรดาร์, กล้อง และ GPS ทำงานร่วมกับ AI เพื่อสร้างแผนที่สามมิติของสภาพแวดล้อม ตัดสินใจเลือกเส้นทางบินที่ปลอดภัยที่สุด และตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแบบเรียลไทม์
  • วัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรง: โครงสร้างของอากาศยานสร้างขึ้นจากวัสดุคอมโพสิตขั้นสูง เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการบิน

ผู้นำระดับโลกในการพัฒนาโดรนแท็กซี่

ผู้นำระดับโลกในการพัฒนาโดรนแท็กซี่

ปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการบินหลายแห่งทั่วโลกที่กำลังแข่งขันกันพัฒนาและนำโดรนแท็กซี่ออกสู่ตลาด แต่ละรายมีแนวทางการออกแบบและเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไป แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือการสร้างระบบขนส่งทางอากาศในเมืองที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การแข่งขันในตลาดโดรนแท็กซี่เป็นการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้เทคโนโลยีนี้มีความสมบูรณ์และใกล้เข้าสู่การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้นทุกขณะ

EHang 216: ผู้บุกเบิกจากเอเชีย

EHang เป็นบริษัทจากประเทศจีนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Autonomous Aerial Vehicle – AAV) รุ่น EHang 216 ถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกผู้โดยสารได้ 2 คน ทำงานแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบโดยไม่มีนักบิน ผู้โดยสารเพียงแค่เลือกจุดหมายปลายทางผ่านหน้าจอสัมผัส และระบบจะทำการบินให้เองทั้งหมด นอกจากใช้เป็นแท็กซี่บินได้แล้ว EHang ยังพัฒนารุ่นดัดแปลงเพื่อใช้ในภารกิจอื่นๆ เช่น การดับเพลิงในอาคารสูง การขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน และการชมทิวทัศน์ทางอากาศ

Volocopter: มาตรฐานวิศวกรรมจากเยอรมนี

บริษัท Volocopter จากเยอรมนี เป็นที่รู้จักจากดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของโดรนแท็กซี่รุ่น VoloCity ที่มีใบพัดขนาดเล็ก 18 ใบติดตั้งอยู่บนวงแหวนเหนือห้องโดยสาร การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเสถียรในการบิน VoloCity สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 2 คน ถูกออกแบบมาเพื่อการเดินทางในระยะทางสั้นๆ ภายในเมือง โดยมีความเร็วสูงสุด 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีพิสัยการบิน 35 กิโลเมตร Volocopter มีแผนจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเมืองสำคัญอย่างสิงคโปร์และปารีส

Midnight: ศักยภาพการขนส่งขั้นสูง

Midnight เป็นอากาศยาน eVTOL ที่พัฒนาโดยบริษัท Archer Aviation ในสหรัฐอเมริกา มีความโดดเด่นในด้านสมรรถนะที่สูงกว่ารุ่นอื่นๆ โดยสามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุดถึง 453 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้โดยสาร 4 คนพร้อมสัมภาระ) มีพิสัยการบินไกลถึง 160 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดได้ 241 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การออกแบบของ Midnight เป็นแบบปีกตรึงพร้อมใบพัดที่สามารถปรับองศาได้ (Tilt-rotor) ทำให้สามารถบินขึ้น-ลงในแนวดิ่งและเปลี่ยนไปบินในแนวนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการเดินทางระหว่างใจกลางเมืองกับสนามบิน คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2025

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะของโดรนแท็กซี่ชั้นนำรุ่นต่างๆ
รุ่นอากาศยาน บริษัท (ประเทศ) จำนวนผู้โดยสาร พิสัยการบิน ความเร็วสูงสุด
EHang 216 EHang (จีน) 2 คน ประมาณ 35 กม. 130 กม./ชม.
Volocopter (VoloCity) Volocopter (เยอรมนี) 2 คน 35 กม. 110 กม./ชม.
Midnight Archer Aviation (สหรัฐฯ) 4 คน 160 กม. 241 กม./ชม.

สถานการณ์และแนวโน้มการใช้งานทั่วโลก

หลายประเทศทั่วโลกกำลังผลักดันให้เกิดการใช้งานแท็กซี่บินได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในทศวรรษนี้ การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการนำนวัตกรรมมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม

เป้าหมายการให้บริการในเมืองใหญ่

รัฐบาลของสหราชอาณาจักรได้ตั้งเป้าหมายที่จะเริ่มให้บริการแท็กซี่บินได้ภายในปี 2026 โดยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นส่วนสำคัญของระบบขนส่งแห่งอนาคต ในขณะเดียวกัน เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก็มีแผนที่จะเปิดเส้นทางแท็กซี่ไฟฟ้าบินได้ระหว่างใจกลางเมืองแมนฮัตตันกับสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี และสนามบินนวร์ก ภายในปี 2025 หรือ 2026 ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางที่เคยใช้เวลาเป็นชั่วโมงให้เหลือเพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้ เมืองอื่นๆ เช่น ดูไบ, สิงคโปร์ และปารีส ก็กำลังดำเนินการวางแผนและทดสอบเพื่อเป็นเมืองกลุ่มแรกๆ ที่นำบริการนี้มาใช้

บทบาทของหน่วยงานกำกับดูแล

การจะนำอากาศยานรูปแบบใหม่ขึ้นสู่ท้องฟ้าได้นั้น จำเป็นต้องผ่านกระบวนการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของแต่ละประเทศ เช่น องค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ของสหรัฐอเมริกา และสำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) หน่วยงานเหล่านี้กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และกระบวนการทดสอบสำหรับอากาศยาน eVTOL โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่าหรือสูงกว่าเครื่องบินพาณิชย์ในปัจจุบัน

ความท้าทายสำคัญสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์

แม้ว่าเทคโนโลยีโดรนแท็กซี่จะก้าวหน้าไปมาก แต่การนำมาให้บริการแก่สาธารณชนในวงกว้างยังคงมีอุปสรรคและความท้าทายอีกหลายด้านที่ต้องแก้ไข

โครงสร้างพื้นฐาน: Vertiports และสถานีชาร์จ

อุปสรรคที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น โดรนแท็กซี่ต้องการเครือข่ายของสถานีขึ้น-ลงที่เรียกว่า “Vertiport” ซึ่งเปรียบเสมือนกับสนามบินขนาดเล็กสำหรับ eVTOL สถานีเหล่านี้จะต้องมีพื้นที่สำหรับขึ้น-ลง, จุดชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง, และอาคารผู้โดยสารขนาดเล็ก การจัดหาพื้นที่และก่อสร้าง Vertiport ในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องใช้เงินลงทุนสูง นอกจากนี้ยังต้องมีการวางแผนให้เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้า เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น

ความปลอดภัยและการยอมรับจากสาธารณชน

ความปลอดภัยเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่งของผู้คนทั่วไป การสร้างความเชื่อมั่นว่าการเดินทางด้วยอากาศยานไร้คนขับนั้นปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ผู้ผลิตต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของระบบผ่านการทดสอบหลายพันชั่วโมงและต้องมีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่รัดกุม เช่น ระบบร่มชูชีพสำหรับอากาศยานทั้งลำ (Ballistic Parachute) หรือความสามารถในการร่อนลงจอดอย่างปลอดภัยแม้ระบบขับเคลื่อนจะขัดข้อง นอกจากนี้ การยอมรับจากสาธารณชนต่อการมีโดรนจำนวนมากบินอยู่เหนือศีรษะก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณา ทั้งในด้านเสียงรบกวนและทัศนียภาพ

กฎระเบียบและการจัดการจราจรทางอากาศ

การมีโดรนแท็กซี่หลายร้อยหรือหลายพันลำบินอยู่ในเมืองพร้อมกัน จำเป็นต้องมีระบบจัดการจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Traffic Management – UTM) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการชนกันและประสานงานกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ในปัจจุบัน การพัฒนากฎหมายและกฎระเบียบใหม่ๆ เพื่อรองรับการจราจรรูปแบบใหม่นี้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

โดรนแท็กซี่กับอนาคตคมนาคมกรุงเทพมหานคร

แม้จะยังไม่มีการใช้งานโดรนแท็กซี่อย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ แต่กระแสความสนใจในเทคโนโลยีนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัญหาการจราจรที่ติดขัดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก กรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงในการนำนวัตกรรมนี้มาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ศักยภาพในการแก้ไขปัญหารถติด

การเปิดตัวบริการโดรนแท็กซี่ในกรุงเทพฯ จะเป็นการสร้าง “มิติที่สาม” ของการเดินทาง ช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางข้ามโซนธุรกิจที่สำคัญ เช่น สยาม, สาทร, หรือสุขุมวิท ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงบนท้องถนน สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดความเครียดจากการเดินทาง แต่ยังช่วยเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม การเดินทางที่ไม่ต้องพึ่งพาโครงข่ายถนนจะช่วยลดความแออัดและมลพิษบนภาคพื้นดินได้อย่างมีนัยสำคัญ

โอกาสในการประยุกต์ใช้ที่หลากหลาย

นอกจากการขนส่งผู้โดยสารแล้ว เทคโนโลยี eVTOL ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเมืองได้อีกมาก เช่น:

  • การแพทย์ฉุกเฉิน: ใช้ในการขนส่งทีมแพทย์, อวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย, หรือผู้ป่วยในกรณีเร่งด่วน โดยสามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดและเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว
  • การขนส่งโลจิสติกส์: ใช้ในการขนส่งสินค้ำมูลค่าสูงหรือพัสดุเร่งด่วนระหว่างคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าในเมือง
  • การรักษาความปลอดภัยและสำรวจ: ใช้ในการตรวจตราพื้นที่, สำรวจความเสียหายหลังเกิดภัยพิบัติ, หรือสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัย

บทสรุป: การเดินทางแห่งอนาคตที่ใกล้เป็นจริง

โดรนแท็กซี่ หรือเทคโนโลยี eVTOL ไม่ใช่เพียงแนวคิดเพ้อฝันอีกต่อไป แต่เป็นนวัตกรรมการเดินทางที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในหลายมหานครทั่วโลกภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเป้าหมายหลักในการแก้ไขปัญหาการจราจรที่แออัด ลดระยะเวลาการเดินทาง และสร้างระบบคมนาคมที่ยั่งยืน การพัฒนาของผู้เล่นรายใหญ่อย่าง EHang, Volocopter และ Archer Aviation แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับประเทศไทยและโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาและติดตามเทคโนโลยี แต่ศักยภาพในการนำแท็กซี่บินได้มาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหารถติดนั้นมีอยู่สูงมาก อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการวางแผนอย่างรอบคอบในด้านโครงสร้างพื้นฐาน, การสร้างมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด, และการออกกฎระเบียบที่ชัดเจน การมาถึงของยุคที่สามารถเดินทางทางอากาศทั่วกรุงโดยไม่ต้องง้อถนนนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของเมือง

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930