Shopping cart






พาสปอร์ตเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้จริงหรือ?


พาสปอร์ตเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้จริงหรือ?

สารบัญ

คำถามที่ว่า พาสปอร์ตเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้จริงหรือ? ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นความจริง มาตรการดังกล่าวเป็นโครงการที่ภาครัฐนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการกระจายรายได้ไปยังจังหวัดเมืองรอง 55 แห่งทั่วประเทศ โครงการนี้เปิดโอกาสให้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่เป้าหมายมาใช้เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

สรุปประเด็นสำคัญของมาตรการ

  • ระยะเวลาโครงการ: สิทธิประโยชน์ทางภาษีสามารถใช้ได้กับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ถึง 30 พฤศจิกายน 2567 เท่านั้น
  • สิทธิ์สำหรับบุคคลธรรมดา: สามารถนำค่าที่พักและค่าบริการนำเที่ยวใน 55 จังหวัดเมืองรอง มาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
  • สิทธิ์สำหรับนิติบุคคล: สามารถนำรายจ่ายค่าจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดเมืองรองมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง
  • เอกสารที่จำเป็น: ต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เป็นหลักฐานเท่านั้น
  • เป้าหมายหลัก: เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง กระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างทั่วถึง

เจาะลึกมาตรการ “พาสปอร์ตเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้จริงหรือ?”

มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พาสปอร์ตท่องเที่ยวเมืองรอง” เป็นนโยบายที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการใช้กลไกทางภาษีเป็นเครื่องมือจูงใจให้นักท่องเที่ยวและองค์กรต่างๆ เลือกเดินทางไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพแต่ยังไม่เป็นที่นิยมในวงกว้างเท่าเมืองหลัก แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นโดยตรง โครงการนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

ที่มาและความสำคัญของโครงการ

โครงการนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย รัฐบาลเล็งเห็นว่าการพึ่งพานักท่องเที่ยวในเมืองหลักเพียงอย่างเดียวอาจสร้างความเปราะบางทางเศรษฐกิจ การส่งเสริมเมืองรองจึงเป็นคำตอบในการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน โดยกำหนดช่วงเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) ของหลายพื้นที่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางและใช้จ่ายตลอดทั้งปี ช่วยพยุงให้ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินกิจการไปได้อย่างต่อเนื่อง

ใครคือผู้ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้?

ผู้ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก:

  1. ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดา: กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปที่วางแผนเดินทางพักผ่อนในประเทศ สามารถเปลี่ยนค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวให้กลายเป็นสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2567 ซึ่งจะยื่นแบบแสดงรายการในช่วงต้นปี 2568
  2. นิติบุคคล (บริษัทและห้างหุ้นส่วน): องค์กรที่ต้องการจัดกิจกรรมอบรมสัมมนา การประชุม หรือกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขาย สามารถเลือกจัดในจังหวัดเมืองรองเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สูงกว่าปกติ ซึ่งช่วยลดต้นทุนของบริษัทและขณะเดียวกันก็สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย

นอกจากกลุ่มผู้เสียภาษีแล้ว ผู้ประกอบการใน 55 จังหวัดเมืองรองคือผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง ทั้งธุรกิจโรงแรม โฮมสเตย์ บริษัทนำเที่ยว ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ล้วนมีโอกาสในการเพิ่มรายได้จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา

สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวเมืองรอง จำเป็นต้องทำความเข้าใจรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ

การวางแผนที่ดีและการเก็บหลักฐานที่ถูกต้องเป็นหัวใจสำคัญของการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวเมืองรองให้เกิดประโยชน์สูงสุด

วงเงินและขอบเขตค่าใช้จ่าย

ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายที่เข้าเกณฑ์ประกอบด้วย 2 ประเภทหลัก:

  • ค่าบริการที่พัก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับโรงแรม, รีสอร์ต, โฮมสเตย์ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย, เกสต์เฮาส์ หรือสถานพักตากอากาศอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ใน 55 จังหวัดเมืองรอง
  • ค่าบริการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์: รวมถึงค่าแพ็กเกจทัวร์ที่จัดโดยบริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้อง และค่าบริการจ้างมัคคุเทศก์สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในจังหวัดเมืองรองนั้นๆ

สิ่งสำคัญคือ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเดินทาง (ตั๋วเครื่องบิน, ค่าน้ำมัน), ค่าอาหารและเครื่องดื่ม หรือค่าซื้อของที่ระลึก ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภายใต้มาตรการนี้ได้

เอกสารหลักฐานสำคัญ: e-Tax Invoice & e-Receipt

เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดและต้องเน้นย้ำคือ หลักฐานที่ใช้ในการยื่นลดหย่อนภาษีจะต้องอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งได้แก่ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ที่ออกผ่านระบบของกรมสรรพากร ใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินในรูปแบบกระดาษทั่วไปไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจชำระเงินค่าที่พักหรือบริการนำเที่ยว นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องสอบถามผู้ประกอบการให้แน่ใจว่าสามารถออกเอกสารในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี

สิทธิประโยชน์สำหรับนิติบุคคลในการจัดสัมมนา

มาตรการนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจ โดยส่งเสริมให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลือกจังหวัดเมืองรองเป็นสถานที่จัดกิจกรรมอบรมสัมมนาพนักงาน ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

สิทธิประโยชน์ทางภาษีสองเท่า

นิติบุคคลที่จัดอบรมสัมมนาในจังหวัดเมืองรองภายในช่วงเวลาที่กำหนด สามารถนำรายจ่ายที่เกี่ยวข้องมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึง 2 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนา 500,000 บาท จะสามารถนำไปหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ถึง 1,000,000 บาท ซึ่งส่งผลให้ภาระภาษีของบริษัทลดลงอย่างมาก

รายจ่ายที่เข้าเกณฑ์สำหรับนิติบุคคล

รายจ่ายที่สามารถนำมาใช้สิทธิ์หัก 2 เท่าได้นั้นมีความครอบคลุมมากกว่ากรณีของบุคคลธรรมดา โดยประกอบด้วย:

  • ค่าห้องสัมมนาและค่าจัดเลี้ยง
  • ค่าที่พักสำหรับพนักงานที่เข้าร่วม
  • ค่าขนส่ง เช่น การเช่ารถบัส หรือค่าพาหนะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสัมมนา
  • ค่าบริการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หากเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมสัมมนา

เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา นิติบุคคลก็จำเป็นต้องได้รับ e-Tax Invoice จากผู้ประกอบการเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษี

พื้นที่เป้าหมาย: 55 จังหวัดเมืองรองทั่วไทย

มาตรการนี้กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 55 จังหวัดเมืองรองทั่วประเทศไทย ซึ่งกระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาค จังหวัดเหล่านี้เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ทั้งในเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ แต่ยังไม่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับเมืองหลัก การระบุพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้นักท่องเที่ยวและองค์กรสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น และเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการในพื้นที่เตรียมความพร้อมในการต้อนรับและให้บริการ โดยเฉพาะการเตรียมระบบการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์

รายชื่อจังหวัดเมืองรองทั้ง 55 แห่งสามารถตรวจสอบได้จากประกาศอย่างเป็นทางการของกรมสรรพากรหรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อความถูกต้องและมั่นใจได้ว่าการเดินทางนั้นเข้าเกณฑ์ของมาตรการลดหย่อนภาษี

เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ระหว่างบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

ตารางเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากมาตรการท่องเที่ยวเมืองรองระหว่างบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสำหรับปี 2567
หัวข้อ บุคคลธรรมดา นิติบุคคล
ประเภทสิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หักรายจ่ายได้ 2 เท่าในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
วงเงินสูงสุด ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ไม่จำกัดวงเงิน (หัก 2 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง)
รายจ่ายที่เข้าเกณฑ์ ค่าที่พัก, ค่าบริการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ค่าห้องสัมมนา, ค่าที่พัก, ค่าขนส่ง, ค่าบริการนำเที่ยว
เอกสารหลักฐาน e-Tax Invoice & e-Receipt e-Tax Invoice
ระยะเวลาโครงการ 1 พฤษภาคม 2567 – 30 พฤศจิกายน 2567 1 พฤษภาคม 2567 – 30 พฤศจิกายน 2567

ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม

นอกเหนือจากประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้เดินทางแล้ว มาตรการนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

การกระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

หัวใจหลักของโครงการคือการกระจายเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวออกจากเมืองใหญ่ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดเมืองรอง เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปในพื้นที่เหล่านี้ เงินที่ใช้จ่ายจะหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นโดยตรง ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็ก โฮมสเตย์ของชาวบ้าน ร้านอาหารท้องถิ่น ไปจนถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตสินค้าหัตถกรรมและของที่ระลึก สิ่งนี้ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างเมืองหลักและเมืองรองได้อย่างเป็นรูปธรรม

ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การส่งเสริมให้คนเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ช่วยลดปัญหาความแออัดยัดเยียด (Overtourism) ในเมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งมักนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม ในทางกลับกัน การท่องเที่ยวในเมืองรองมักมีรูปแบบที่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตชุมชนและธรรมชาติมากกว่า เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืน นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างและเป็นของแท้ ในขณะที่ชุมชนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองในการจัดการการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ

ข้อควรปฏิบัติเพื่อการใช้สิทธิ์อย่างถูกต้อง

เพื่อให้การใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ที่สนใจควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • ตรวจสอบรายชื่อจังหวัด: ก่อนวางแผนเดินทาง ควรตรวจสอบรายชื่อ 55 จังหวัดเมืองรองที่ประกาศโดยหน่วยงานภาครัฐให้แน่ใจ
  • สอบถามผู้ประกอบการ: ติดต่อสอบถามโรงแรม บริษัททัวร์ หรือผู้ให้บริการล่วงหน้าว่าสามารถออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้หรือไม่
  • ระบุข้อมูลให้ถูกต้อง: แจ้งชื่อ-นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขบัตรประชาชน 13 หลัก) ของผู้ที่จะใช้สิทธิ์ลดหย่อนให้แก่ผู้ประกอบการอย่างถูกต้อง เพื่อให้ข้อมูลในใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สมบูรณ์
  • เก็บรักษาข้อมูล: แม้ว่าข้อมูลจะถูกส่งเข้าระบบของกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ การบันทึกหรือเก็บสำเนาเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ไว้เพื่อการตรวจสอบก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ
  • ทำความเข้าใจเรื่องภาษี: พึงระลึกว่ามาตรการนี้คือ “การลดหย่อน” ซึ่งหมายถึงการนำไปหักออกจากเงินได้พึงประเมินก่อนคำนวณภาษี ไม่ใช่การคืนเงินภาษีเต็มจำนวน จำนวนภาษีที่ประหยัดได้จริงจะขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละบุคคล

บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต

สรุปได้ว่า คำตอบของคำถาม “พาสปอร์ตเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้จริงหรือ?” คือ สามารถทำได้จริง ภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในปี 2567 มาตรการนี้ถือเป็นเครื่องมือทางการคลังที่ชาญฉลาด ซึ่งไม่เพียงแต่มอบประโยชน์คืนแก่ผู้เสียภาษี แต่ยังทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองรองไม่เพียงแต่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าประทับใจ แต่ยังเป็นการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

สำหรับอนาคต หากมาตรการนี้ได้รับการตอบรับที่ดีและสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็มีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐอาจพิจารณาขยายระยะเวลาหรือปรับปรุงโครงการในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวและองค์กรต่างๆ ในวันนี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในวันข้างหน้า


กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930