ยานนิก ซินเนอร์ (Jannik Sinner) นักเทนนิสชื่อดังชาวอิตาลี ขอบคุณคุณแม่ซิญินเด (Siglinde) และคุณพ่อโยฮันน์ (Johann) ที่มอบอิสระให้เขาได้ไล่ตามความฝันด้านเทนนิส
ยานนิก ซินเนอร์ คงไม่สามารถเป็นซุปเปอร์สตาร์เทนนิสอย่างที่เขาเป็นอยู่ในทุกวันนี้ได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ของเขา โยฮันน์ และซิญินเด ซินเนอร์
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2024 ยานนิก ซินเนอร์ กลายเป็นนักเทนนิสชาวอิตาลีคนแรกที่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ของสมาคมเทนนิสอาชีพได้ แต่ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในสนามเทนนิส แต่อาชีพของพ่อแม่ของยานนิก กลับเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเลือกเล่นกีฬาประเภทอื่น นั่นก็คือสกี
ภาพจาก: www.cityam.com
โยฮันน์ อาชีพเชฟ และซิญินเด อดีตพนักงานเสิร์ฟ ได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อยานนิก เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2001 ที่เมืองอินนิเชน (Innichen) ไทรอลใต้ ประเทศอิตาลี ทั้งคู่ยังได้ต้อนรับลูกชายคนโตชื่อมาร์กในปี 1998 พ่อแม่ของยานนิกพบกันเมื่อทั้งคู่ทำงานที่กระท่อมเล่นสกีในอิตาลีชื่อ Talschlüsshutte Hut เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ยานนิกก็กลายเป็นรองชนะเลิศการแข่งขันประเภทไจแอนท์ สลาลมระดับประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุได้ 13 ปี ยานนิกตัดสินใจประกอบอาชีพนักเทนนิสและยกความดีความชอบให้กับพ่อแม่ที่มอบอิสระให้เขาเลือกเส้นทางใหม่ หลังจากกลายเป็นผู้เล่นชาวอิตาลีคนแรกที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมประเภทเดี่ยวในรอบเกือบ 50 ปีที่ออสเตรเลียนโอเพ่นในปี 2024 ยานนิกได้เปิดเผยว่าเขารู้สึกขอบคุณพ่อแม่มากเพียงใด
“ผมอยากให้ทุกคนรู้จักกับพ่อแม่ของผม เพราะพวกท่านให้ผมเลือกสิ่งที่ผมต้องการได้เสมอ” ยานนิกกล่าว “แม้แต่ตอนที่ผมยังเด็ก ผมก็เล่นกีฬาอื่นๆ บ้าง และพวกท่านผไม่เคยกดดันผมเลย … ผมหวังว่าอิสระนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กๆ ให้ได้มากที่สุด ขอบคุณพ่อแม่ของผมมาก” และนี่คือทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับคุณพ่อโยฮันน์ ซินเนอร์ และคุณแม่ซิญินเด ซินเนอร์
ภาพจาก: www.wkrg.com
โยฮันน์และซิญินเด ทำงานที่ลอดจ์สกีที่เดียวกัน
พ่อแม่ของยานนิกทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเขาและความฝันของเขา ทั้งคู่ทำงานที่กระท่อมเล่นสกี Talschlusshutte Hut ในเมือง Sexten ประเทศอิตาลี
โยฮันน์ พ่อของยานนิกทำงานเป็นเชฟที่นั่น ในขณะที่ซิญินเด แม่ของเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นั่น ยานนิกสังเกตเห็นว่าพ่อแม่ของเขาทำงานหนักมาก และนำจรรยาบรรณการทำงานแบบเดียวกันนี้มาใช้กับอาชีพนักกีฬาของเขาตั้งแต่เขายังเด็ก
หลังจากเอาชนะดานิล เมดเวเดฟ (Daniil Medvedev) ในศึกออสเตรเลียนโอเพ่นเมื่อปี 2024 ยานนิคได้พูดในงานแถลงข่าวถึงชีวิตของเขาที่พ่อแม่ต้องทำงานหนักในขณะที่เขาไล่ตามความฝันด้านกีฬาในวัยเด็ก
“ผมเคยไปเล่นสกีอย่างเสมอๆ เพราะผมฝึกสกีตั้งแต่บ่ายสองถึงบ่ายสี่” ยานนิกกล่าว “เมื่อผมกลับมาประมาณบ่ายสี่โมงครึ่ง แม่ของผมมักจะอยู่บ้าน แต่ผมไปเล่นเทนนิสหรือฟุตบอลบ้างเล็กน้อย ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยอยู่บ้านมากนัก”
ภาพจาก: Los Angeles Times
พ่อของยานนิกทำงานเป็นเชฟมืออาชีพระหว่างทัวร์เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้เวลาร่วมกัน
ด้วยตารางงานที่ยุ่งของยานนิก ทำให้เขาและพ่อแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้วยทักษะของพ่อในฐานะเชฟ เขาจึงได้เข้าร่วมทีมงานของยานนิกในฐานะเชฟในการแข่งขันเทนนิสบางรายการ
ในปี 2023 ในงานแข่งขัน BNP Paribas Tournament ที่อินเดียนเวลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ยานนิคได้พูดคุยกับ Tennis Channel ถึงความรู้สึกที่ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อและทำอาหารให้พ่อทานด้วย
“พ่อของผมอยู่ที่นี่ เรามีบ้านอยู่ที่นี่ เราอยู่ด้วยกันหมด” ยานนิกกล่าว “พ่อของผมเป็นเชฟมานานกว่า 40 ปีแล้ว … เขาทำอาหารเก่งมาก และแน่นอนว่าการมีเขาอยู่ด้วยก็เป็นเรื่องดีมาก”
“เขาทำอาหารให้พวกเราทานที่นี่ แต่ไม่ใช่แค่ทำอาหารเท่านั้น” ยานนิกกล่าวต่อ “การมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มอีกคน … ดีใจที่เขามาที่นี่”
ภาพจาก: ABC News – The Walt Disney Company
พ่อแม่ของยานนิกสนับสนุนเมื่อเขาต้องย้ายออกไปเล่นเทนนิสเมื่อตอนอายุ 14 ปี
เมื่อยานนิคอายุเพียง 14 ปี เขารู้ว่าเขาต้องการเป็นนักกีฬาเทนนิสเต็มตัว จึงย้ายไปที่เมืองบอร์ดิเกรา (Bordighera) ในริเวียราของอิตาลีเพื่อฝึกซ้อมที่ศูนย์เทนนิสปิอัตติ หลังจากคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกในออสเตรเลียนโอเพ่นในปี 2024 ยานนิคได้ใช้เวลาในงานแถลงข่าวหลังเกมเพื่อขอบคุณพ่อแม่ที่สนับสนุนความฝันของเขาตั้งแต่ยังเด็ก
“ผมออกจากบ้านตอนอายุ 14 ปี ดังนั้นผมต้องเติบโตอย่างรวดเร็ว พยายามทำอาหารเอง พยายามซักผ้าเอง คุณรู้ไหมว่าครั้งแรกมันแตกต่าง แต่ในอีกทางหนึ่ง นั่นอาจเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการเติบโต” ยานนิกกล่าว “ผมคิดว่ามันยากสำหรับผม แต่สำหรับพ่อแม่ของผมที่ต้องปล่อยลูกชายไว้ตั้งแต่อายุ 14 ปี มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน และพวกเขาไม่เคยกดดันผมเลย ซึ่งสำหรับผมแล้วอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผมยังอยู่ที่นี่ในวันนี้” “พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ” ยานนิกกล่าวต่อ “พวกเขาสุดยอดมาก”
ยานนิกให้เครดิตพ่อแม่ของเขาสำหรับจริยธรรมในการทำงานของเขา
การที่ได้เห็นพ่อแม่ทำงานหนักเป็นเวลานานส่งผลดีต่อเขาอย่างมาก ยานนิก ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ATP Masters 1000 สองรายการเป็นที่รู้จักในฐานะคนที่ทำงานหนักที่สุดคนหนึ่งในวงการเทนนิส และยกความดีความชอบให้กับพ่อแม่ของเขาสำหรับจรรยาบรรณในการทำงานดังกล่าว
ภาพจาก: aceify.me
“พ่อแม่ของผมเป็นคนพิเศษ เพราะตอนที่ผมกลับมาจากโรงเรียน พ่อแม่ของผมไม่อยู่ที่นั่น” ยานนิกกล่าวหลังจากคว้าแชมป์ออสเตรเลียนโอเพนปี 2024 “พวกเขาทำงานอยู่ ผมคิดว่านั่นคือทัศนคติที่พวกเขาให้ผมมา… ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องทำงาน และคุณธรรมในการทำงานแบบนี้เป็นสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว พ่อแม่ต่างหากที่เป็นคนมอบสิ่งนั้นให้กับคุณ”
ความสัมพันธ์ระหว่างยานนิกกับพ่อแม่ของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเขาจะโด่งดังแล้วก็ตาม
ยานนิคอาจขึ้นถึงจุดสูงสุดในวงการเทนนิสและได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติจากการเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อแม่ของเขาไม่ได้ได้รับผลกระทบใดๆ หลังจากที่ทำให้โลกต้องจับตามองด้วยชัยชนะในแกรนด์สแลมของรายการออสเตรเลียนโอเพ่น ซึ่งรวมถึงชัยชนะในรอบรองชนะเลิศเหนือ Novak Djokovic นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของเอทีพีในขณะนั้น ยานนิคได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของเขากับพ่อแม่ของเขา
“พ่อของผมยังคงทำอาหารอยู่ บางครั้งพ่อก็ยังอยู่ที่ร้านอาหารเพื่อช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แม่ของผมอยู่บ้าน แม่พยายามช่วยงานที่บ้านปู่ของผม พวกเขาจึงทำงานตลอดเวลา นั่นคือสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับพวกเขา” ยานนิกกล่าว “พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรกับผมเลย ผมเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เคยเป็นเมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กและมีความฝันอันยิ่งใหญ่ และตอนนี้ผมก็เป็นเพียงเด็กอายุ 22 ปีที่ยังมีความฝันอันยิ่งใหญ่”
ภาพจาก: Vogue
พ่อแม่ของยานนิกไม่ได้มาดูเขาเล่นบ่อยเท่าที่พวกเขาต้องการด้วยเหตุผลบางอย่าง
หลังจากคว้าถ้วยรางวัล Australian Open และ Rotterdam Open ในช่วงต้นปี 2024 ยานนิคก็สามารถคว้าแชมป์ Miami Open ได้ในเดือนเมษายน ยานนิคได้กล่าวกับพ่อแม่ของเขาซึ่งคอยสนับสนุนเขามาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงต้นอาชีพของเขาว่าไม่ได้ไปร่วมการแข่งขันครั้งนี้ และได้ให้เหตุผลอันน่าประทับใจที่พวกเขาไม่ไปร่วมการแข่งขันครั้งนี้
“พวกเขาคงไม่ได้เดินทางมากนัก อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ผมรู้จักพวกเขา ดังนั้นผมก็มีคุณย่าและคุณปู่ด้วย ซึ่งตอนนี้พวกเขาอายุพอสมควรแล้ว [พ่อแม่ของผม] จึงอยากอยู่ใกล้ๆ” ยานนิกกล่าวหลังจากคว้าแชมป์ ตามรายงานของ Tennis365 “ครอบครัวของเราอยู่ที่บ้าน พวกเขาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่สวยงาม ดังนั้นพวกเขาจึงมีชีวิตที่ดีที่นั่น”
แม้ว่าพ่อแม่ของยานนิกจะไม่สามารถไปชมการแข่งขันของเขาได้ทั้งหมดในขณะนี้ แต่ยานนิกก็วางแผนที่จะใช้เวลาอยู่กับพวกเขาให้มากขึ้นในขณะที่อาชีพการงานของเขาก้าวหน้าไป
“แน่นอนว่าผมคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับพ่อแม่บ้างเล็กน้อย เพราะผมออกจากบ้านตอนอายุ 13 หรือ 14” ยานนิกกล่าวต่อ “ผมหวังว่าผมจะสามารถชดเชยช่วงเวลาเหล่านี้ได้ในอนาคต แต่สำหรับผมแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือพวกเขาต้องมีความสุข ผมรู้ว่าผมมีความสุข ถ้าผมมีความสุข พวกเขาก็มีความสุขด้วย ทุกอย่างก็ดี”
ที่มา people.com