เทรนด์รักสุขภาพช่วงนี้กำลังมาแรงมากๆ หลายคนให้ความสนใจกับการออกกำลังกายอย่างมาก แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย ด้วยภาระงาน จึงทำให้การออกกำลังกายแทบจะถูกตัดออกจากความคิด และสิ่งที่เกิดขึ้น คือน้ำหนักเพิ่ม ขาดความมั่นใจ แต่สุดท้ายก็กลับมากินเยอะเหมือนเดิม สำหรับใครที่อยากหุ่นดี ไขมันหาย เรามี 5 เทคนิคพิชิตไขมันมาฝากกันค่ะ
เอาเป็นว่าหากใครที่อยากลดน้ำหนัก พิชิตไขมันตัวร้าย แล้วเอาหุ่นดี ๆ ของตัวเองกลับคืนมา สามารถทำตามได้ด้วย
5 วิธีพิชิตไขมัน ลดน้ำหนักที่ว่ายาก ให้เป็นเรื่องง่าย
1.ปรับความคิด สร้างแรงจูงใจ
สิ่งแรกที่จะผลักดันให้คุณเริ่มออกกำลังกายไม่ได้มาจากหนังสือ หรือบทความที่ไหน แต่มันออกมาจากตัวคุณเอง ลองปรับเปลี่ยนความคิด และมองถึงประโยชน์ที่คุณจะได้รับหลังจากออกกำลังกาย จะช่วยให้คุณมีพลังในการลุกขึ้นมาทำประโยชน์คืนสู่ร่างกายมากขึ้น และจงอย่าลืมที่จะตั้งเป้าหมาย เช่น ภายใน 1 อาทิตย์ น้ำหนักต้องลด 1 กิโลกรัมให้ได้ หรือภายใน 3 เดือนฉันจะผอมกว่านี้ เพื่อเป็นแรงผลักดัน ทำให้คุณถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
2.เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง
หลายคนชอบพูดว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่หากนึกย้อนดีๆ คุณมีเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง และทำงานเพียง 8 ชั่วโมง นอนอีก 8 ชั่วโมง คุณยังมีเวลาเหลืออีกตั้ง 8 ชั่วโมงที่จะทำประโยชน์ให้กับร่างกาย ลองใช้เวลานั้นในการออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ หรือออกไปว่ายน้ำ เวทเทรนนิ่ง ที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณแข็งแรง และกำจัดไขมันได้ นอกจากนี้ยังมีหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยให้คุณเผาผลาญได้อย่างดี คือชกมวย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สายเบิร์นไขมัน ควรไปลองสักครั้ง
3. หยุดตามใจปาก แล้วเลือกอาหารจากคุณภาพ
สำหรับใครหลายคนการได้กินอาหารอร่อย ๆ หรือได้ชาไข่มุกสักแก้วในช่วงบ่ายวันทำงาน คงเป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ แต่ถ้าตามใจตัวเองมากไปอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัว ลองเปลี่ยนมาทานอาหารแบบพอดี ๆ ส่วนของที่เรากินอยู่แล้วให้ลองปรับสูตรดูบ้าง เช่น ชาไข่มุกอาจเลือกน้ำตาลจากหญ้าหวาน ตัวไข่มุกเลือกเป็นแบบวุ้นบุก เพื่อลดแป้ง ลดความหวาน ถ้าเป็นของทอดอาจนำมาใส่หม้ออบลมร้อน เพื่อรีดน้ำมันจากของทอดออกมาให้อาหารลีนที่สุด แบบนี้จะช่วยลดไขมันได้เยอะเลย
เพียงเริ่มเปลี่ยนมาทานอาหารที่เน้นคุณภาพมาก เข้าใจว่ามันยากเพราะเราเคยชินกับรสชาติอาหารเหล่านั้น แต่ถ้าอยากลดความอ้วน เราต้องห้ามใจตัวเองให้ได้ ผลลัพธ์นอกจากน้ำหนักลดน้อยลง การหยุดกินอาหารตามใจปากยังช่วยให้เราลดโอกาสเสี่ยงการเป็นโรคไขมันพอกตับอีกด้วย แล้วความผอมจะกลับมาหาเรา
4. ปรับพฤติกรรมการนอน ให้เป็นเวลา
นอกจากเรื่องของการกินที่หลายคนเสพติดของอร่อย ๆ อ้วน ๆ การนอนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความอ้วน เพราะช่วง Work From Home ทำให้วินัยของการพักผ่อนหายไปเพราะไม่ต้องรีบตื่นเช้า นอนดึกแค่ไหนก็ได้ จุดนี้เองทำให้เราเริ่มทานอาหารไม่เป็นเวลา นอนดึก กินได้ทุกช่วงเวลา ทำให้สุขภาพพัง น้ำหนักพุ่งพรวด เมื่อกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ บางคนยังใช้ชีวิตแบบเดิมอยู่ ยังนอนดึกแต่ต้องตื่นเช้าในทุก ๆ วัน เป็นแบบนี้ร่างกายก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ระหว่างวันจะมีอาการหิวบ่อย ๆ ต้องเผลอกินมื้อจุกจิกมากกว่าเดิม เอาเป็นว่าถ้าอยากฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ หยุดอาการหิวระหว่างวัน เราต้องปรับช่วงเวลาการนอน ไม่ควรนอนเกินเที่ยงคืน และนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง เท่านี้เมื่อร่างกายเป็นปกติ ไม่หิวบ่อย ก็ลดมื้ออาหารที่ไม่จำเป็นออกไป ไขมันตัวร้ายก็ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มแล้ว
5. หันมาทำอาหารลดความอ้วน น้ำหนักเยอะแค่ไหนก็คุมได้
อาหารสำหรับคนที่ไม่มีเวลาคงเลือกใช้บริการเดลิเวอรี่แทนเพราะมันสะดวก แถมไม่ต้องเหนื่อย แต่เราไม่รู้เลยว่าร้านอาหารที่เราสั่งมีการใช้น้ำมันในการทำอาหารแต่ละครั้งมากแค่ไหน เพราะสาเหตุของน้ำหนักที่เพิ่มมักมาจากอาหารทอด ๆ มัน ๆ
แต่ถ้าเราสามารถเปลี่ยนมาทำอาหารลดความอ้วนเองได้โดยการลดการใช้น้ำมันขวดแล้วไปใช้น้ำมันจากตัววัตถุดิบเอง เช่น หมู หรือไก่ และเพื่อให้อาหารในมื้อนี้ช่วยลดน้ำหนักดีมากขึ้น เพิ่มเติมผักที่มีแป้งน้อย ๆ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง หรือปวยเล้ง เข้ามาเสริมความอร่อย และลดปริมาณอาหารประเภทที่มีน้ำตาล หรือไขมันสูง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำหวานต่าง ๆ ถ้าเปลี่ยนวิถีชีวิตการกินอาหารได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าเหนียง หรือไขมันต่าง ๆ จะกลับมาได้อีก
การลดความอ้วนนั้นส่วนใหญ่ต้องอาศัยเรื่องของการปรับวิถีชีวิตของตัวเราเอง ใครที่อยากมีร่างกายที่แข็งแรง และมีหุ่นที่สมส่วน สิ่งแรกที่ต้องเอาชนะ คือใจของตัวเอง หากคุณมีจิตใจที่มุ่งมั่นและอยากจะทำตามเป้าหมายที่สำเร็จ จงอย่ารอเวลา เพราะคนที่เริ่มลงมือทำก่อน จะประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าใคร หากเราทำได้จนสำเร็จแล้ว คราวนี้จะผ่านไปอีกกี่ปี เราก็สามารถใส่เสื้อผ้าชุดเดิมได้แน่นอน
ที่มา: sanook.com