มาฟังมุมมองที่คิดว่า LGBTQ+ ก็น่าจะมีความจริงจากสิ่งเหล่านี้อยู่ไม่น้อย ที่นำมาพัฒนาตัวเองให้มีความสุข ซึ่งนิยามความสุข ก็คือสิ่งที่เราทุกคนแสวงหา และเราต่างนิยามความสุขด้วยสิ่งต่างๆ ที่ได้มา ไม่ว่างานที่ดี คู่ครองที่ใช่ อาหารที่ชอบ ทริปเที่ยวในฝัน หรือสิ่งของที่เราปรารถนา แต่เมื่อได้สิ่งเหล่านั้นมา ไม่นานความสุขที่มีก็หายไป ราวกับความสุขนั้นมีวันหมดอายุ
“เราไม่สามารถหาความสงบสุขได้จากโลกภายนอก ตราบใดที่เรายังไม่ได้สร้างความสงบสุขขึ้นภายในจิตใจของเราเสียก่อน”
เทนซิน เกียตโซ ทะไลลามะองค์ที่ 14 เคยกล่าวถึงความสุขไว้เช่นนั้น เพื่อบอกว่า ความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นจากตัวเรา มิใช่สิ่งภายนอก
คำถามคือแล้วเราจะมีความสุขจากตัวเองได้อย่างไร ลองทำตาม 9 วิธีต่อไปนี้ แล้วจะพบว่าความสุขที่ยั่งยืนที่เกิดจากตัวเรา ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด
9 ทริคสร้างความสุขกับการเป็นตัวเองจาก LGBTQ+
1. ชื่นชมสิ่งที่ทำให้คุณดูพิเศษ
ลองสังเกตตัวเองว่ามีดีอะไร เช่น พูดได้สี่ภาษา วาดภาพได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ในการสร้างเพื่อนใหม่ๆ หรืออาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างเช่นรู้จักร้านอร่อยแถวบ้าน ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยรู้ ฯลฯ เชื่อเถอะว่า คนทุกคนมีดีในแบบที่ตัวเองเป็น และใช่ว่าทุกคนจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างที่เราทำ
“มีดี” อาจไม่ได้แปลว่า ดีหรือเก่งที่สุด แต่อาจหมายถึงสิ่งที่ทำแล้วดีต่อใจ พอชอบสิ่งนั้น เราก็จะทำได้ดี
2. ลดความไม่มั่นใจ
การรู้สึกไม่มั่นใจไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนล้วนมีเรื่องไม่มั่นใจด้วยกันทั้งนั้น ลองสำรวจดูว่าเราไม่มั่นใจในเรื่องอะไร แล้วลิสต์เรื่องเหล่านั้น เพื่อตรวจสอบดูว่าเราสามารถแก้ไขได้ไหม หรือบางเรื่องอาจเป็นปัญหาเล็กๆ ที่หากมองดีๆ อาจไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เราต้องเสียความมั่นใจก็ได้นะ
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ” อย่าคิดมาก
3. เขียนสิ่งที่ต้องการพัฒนา
มองตัวเองอย่างซื่อสัตย์ แล้วเลือก ‘ข้อเสีย’ ที่ต้องการแก้ไขและทำให้ได้ เช่น ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนตื่นสาย ลองหัดตื่นเช้าขึ้นด้วยการตั้งนาฬิกาเร็วกว่าเดิมทีละนิด เช่น 5 หรือ 10 นาทีก็ได้ แล้วค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาที่ตั้งใจไว้
“หาเวลานิ่งๆ 10-15 นาที หยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเขียนข้อดีและข้อเสีย แล้วเลือกข้อเสียที่สุดมาหนึ่งเรื่อง แล้วจัดการมันซะ”
4. หัวเราะให้ตัวเอง
ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าบางครั้งเราจะทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง อย่าซีเรียสเกินไป ผ่อนปรนให้ตัวเองบ้าง หัวเราะให้กับความผิดพลาดนั้น แล้วเริ่มต้นใหม่
“ผลการศึกษาของประเทศนอร์เวย์พบว่า คนที่หัวเราะหรือมีอารมณ์ขันจะมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่ค่อยหัวเราะ
5. ยินดีกับสุขภาพของตัวเอง”
‘ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ’ พุทธวจนนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ แต่คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้นึกถึง กว่าจะรู้ซึ้งก็ตอนที่ป่วยหนัก ฉะนั้นหากวันนี้เรามีสุขภาพแข็งแรง เดินสบาย กินอร่อย นอนสนิท จงยินดีกับความปกตินี้เถอะนะ ว่าเราช่างโชคดีจริงๆ
“สุขภาพดีไม่ได้หมายถึงเอวเอสหรือซิกแพค แต่คือการไม่เจ็บป่วยและมีชีวิตอย่างปกติสุข”
6. พูด “ขอบคุณ” เสมอ
การรู้จักพูดคำว่า “ขอบคุณ” ต่อสิ่งต่างๆ ที่มีและเป็นอยู่ตอนนี้ จะช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่มากกว่าจะไปหมกหมุ่นถึงสิ่งที่ขาดและอยากได้มา ลองมองดูสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้สิ แม้รองเท้าที่สวมจะคู่เก่าไปบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็พาเราเดินไปไหนมาไหนได้ในทุกๆ วัน หรือแม้แต่เพื่อนและคนใกล้ตัวที่คอยเป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษา นั่นก็เป็นเหมือนของขวัญในชีวิตเลยล่ะ
“คำว่า ขอบคุณ คือกุญแจสำคัญของความสุข” Gurmukh Kaur Khalsa คุรุผู้สอนโยคะและการทำสมาธิชาวอเมริกัน
7. ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
กินอาหารไม่ดี ร่างกายก็ย่ำแย่ พอร่างแย่ ใจก็ยากจะเบิกบาน ลองหันมาทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดหวาน ลดมัน ลดรสจัด ทานผักและผลไม้ โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอย่างพอดี จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ขับถ่ายสะดวก บวกกับรูปร่างที่ดีกว่าเดิม ก็ดีต่อใจเราด้วยนะ
“กินน้อยตายยาก กินมากตายเร็ว” คาถาสั้นๆ ที่ นพ.เฉก ธนะศิริ ผู้เฒ่าวัย 94 ปี ที่ยังแข็งแรงให้ไว้
8. เลือกสิ่งที่ชอบบนร่างกาย
ไม่จำเป็นต้องหล่อสวยแบบดารา เราก็รักหน้าตาหรือร่างกายของเราได้ แค่เลือกหนึ่งหรือสองสิ่งบนร่างกายที่ชอบ หรืออาจมีคนชมให้ได้ยินบ่อยๆ เช่น ตาหรือปาก นิ้วหรือเรียวขา แก้มกลมๆ ลักยิ้มเก๋ๆ ก็ได้ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ บางทีก็เป็นเสน่ห์และทำให้เราดูน่ารักในแบบของตัวเอง ยากที่ใครจะลอกเลียนแบบได้
“การมองเห็นความสวยงามจากสิ่งใกล้ตัวไม่ใช่เรื่องยาก ฝึกได้ด้วยการลองมองหาความงามจากจุดที่เราอยู่ แล้วจะพบว่าทุกๆ ที่มีความสวยงามเสมอ แม้แต่ตัวของเราเอง”
9. ล้อมรอบด้วยสิ่งที่คุณรัก
ของที่มีคุณค่าทางใจคือวัตถุแห่งความทรงจำ การตกแต่งบ้านด้วยรูปของคนที่เรารัก ของฝากจากทริปวันหยุดที่แสนสนุก หรือภาพวาดที่เราชอบ จะย้ำเตือนว่าอะไรที่ทำให้เรามีความสุข และทำให้เรารู้สึกดีที่อยู่บ้าน ราวกับบ้านนั้นเป็นวิมานของเรา
“ของสิ่งใดเห็นแล้วทำให้อมยิ้มได้ นั่นแหละ ของที่จุดประกายความสุข!”
หลายอย่างอาจจะมองว่าความสุขเกิดขึ้นได้ง่าย แต่มุมมองของ LGBTQ+ มันสามารถสร้างได้ด้วยตัวของเราเอง เมื่อเรามีความสุขเราก็จะส่งต่อคนรอบข้างได้โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว
ที่มา: becommon.co