Shopping cart

29 ก.ย. วันหัวใจโลก: 7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจที่ไม่ควรเมิน

สารบัญ

ในวาระสำคัญของวันที่ 29 ก.ย. วันหัวใจโลก: 7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจที่ไม่ควรเมิน ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาณเตือนเริ่มต้นของโรคหัวใจจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตรวจพบที่รวดเร็วสามารถนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

ภาพรวมของสถานการณ์โรคหัวใจในปัจจุบัน

โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Diseases) เป็นกลุ่มโรคที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งประกอบด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะความดันโลหิตสูง เป็นต้น สถานการณ์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าโรคกลุ่มนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มผู้สูงอายุอีกต่อไป แต่ยังพบได้ในประชากรวัยทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ความเครียด การบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล และการขาดการออกกำลังกาย

ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ปัญหาดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียต่อชีวิต แต่ยังส่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการสูญเสียผลิตภาพของประชากร

ความสำคัญของวันหัวใจโลก (World Heart Day)

ความสำคัญของวันหัวใจโลก (World Heart Day)

สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ได้กำหนดให้วันที่ 29 กันยายนของทุกปีเป็น วันหัวใจโลก (World Heart Day) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงอันตรายของโรคหัวใจและหลอดเลือด พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญที่สุดในการลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิต

ในประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่างมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันหัวใจโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น โดยเน้นการสื่อสารให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆ

การลงทุนในการป้องกันโรคหัวใจผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เป็นวิธีที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว

เจาะลึก 7 สัญญาณเตือนภัยของโรคหัวใจที่ไม่ควรมองข้าม

โรคหัวใจมักถูกเรียกว่า “ฆาตกรเงียบ” เนื่องจากในระยะเริ่มต้นอาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ร่างกายมักจะส่งสัญญาณเตือนบางอย่างออกมา ซึ่งหากสังเกตและให้ความสำคัญ ก็จะสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ทันท่วงที ต่อไปนี้คือ 7 สัญญาณเตือนสำคัญที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ

1. อาการเหนื่อยง่ายผิดปกติ (Dyspnea)

อาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติเป็นหนึ่งในสัญญาณที่พบได้บ่อยที่สุด โดยผู้ป่วยจะรู้สึกเหนื่อยหอบหรือหายใจลำบากเมื่อทำกิจกรรมที่เคยทำได้โดยไม่มีปัญหา เช่น การเดินขึ้นบันได 2-3 ชั้น การเดินเร็ว หรือการทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ความรู้สึกเหนื่อยนี้เกิดจากภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชย หากพบว่าสมรรถภาพทางกายลดลงอย่างไม่มีสาเหตุชัดเจน ควรพิจารณาปรึกษาแพทย์

2. อาการเจ็บแน่นหน้าอก (Chest Pain)

ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจมักไม่ใช่การเจ็บแปลบๆ แต่เป็นความรู้สึกแน่น อึดอัด เหมือนมีของหนักมาทับ หรือรู้สึกบีบรัดบริเวณกลางหน้าอก อาการปวดอาจร้าวไปยังบริเวณอื่น เช่น ไหล่ แขนซ้าย คอ กราม หรือหลัง อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อออกแรง และจะทุเลาลงเมื่อหยุดพัก ซึ่งเป็นสัญญาณคลาสสิกของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina) หากอาการเจ็บหน้าอกเกิดขึ้นขณะพักหรือมีความรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์

3. อาการนอนราบไม่ได้ (Orthopnea)

เป็นอาการหายใจลำบากหรือเหนื่อยหอบเมื่อนอนในท่าราบ ทำให้ต้องลุกขึ้นมานั่งหรือใช้หมอนหลายใบหนุนศีรษะให้สูงขึ้นจึงจะรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น อาการนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ของภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ซึ่งหัวใจด้านซ้ายไม่สามารถสูบฉีดเลือดออกจากปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดภาวะของเหลวคั่งในปอด (Pulmonary Congestion) และเมื่อนอนราบ ของเหลวจะกระจายตัวทั่วปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซทำได้ยากขึ้น

4. ตื่นกลางดึกเพราะหอบเหนื่อย (Paroxysmal Nocturnal Dyspnea)

ผู้ป่วยจะมีอาการไอหรือหอบเหนื่อยอย่างรุนแรงจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากนอนหลับไปแล้ว 1-2 ชั่วโมง โดยมักจะต้องลุกขึ้นนั่งหรือเดินไปที่หน้าต่างเพื่อสูดอากาศจึงจะรู้สึกดีขึ้น อาการนี้มีกลไกคล้ายกับอาการนอนราบไม่ได้ แต่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันในเวลากลางคืน เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจนของภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง

5. อาการใจสั่น (Palpitation)

คือความรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็ว เต้นแรง หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ อาจรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกหรือเต้นสะดุดในบางครั้ง อาการใจสั่นอาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ซึ่งมีได้หลายชนิด ตั้งแต่ชนิดที่ไม่เป็นอันตรายไปจนถึงชนิดที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แม้อาการใจสั่นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ เช่น ความเครียด การดื่มคาเฟอีน หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ร่วมกับอาการอื่น เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ หรือเจ็บหน้าอก ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัย

6. อาการวูบ หน้ามืด หรือเป็นลม (Syncope)

การหมดสติชั่วคราวเป็นสัญญาณที่น่ากังวลอย่างยิ่ง อาจเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอชั่วขณะ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ทั้งเต้นช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป จนทำให้ประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดลดลงอย่างมาก หรืออาจเกิดจากปัญหาลิ้นหัวใจตีบรุนแรง หากมีอาการวูบโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย จำเป็นต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน

7. อาการขาบวม (Edema)

อาการบวมที่ขาทั้งสองข้าง โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้าและหน้าแข้ง ซึ่งเมื่อใช้นิ้วกดลงไปแล้วเกิดรอยบุ๋ม (Pitting Edema) เป็นสัญญาณของภาวะของเหลวคั่งในร่างกาย อาการนี้มักเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวด้านขวา ซึ่งทำให้หัวใจไม่สามารถรับเลือดที่ไหลกลับมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีพอ ทำให้เกิดแรงดันในหลอดเลือดดำสูงขึ้นและมีการรั่วของของเหลวออกนอกหลอดเลือดไปสะสมตามเนื้อเยื่อส่วนปลาย

ตารางสรุป 7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจและภาวะที่อาจเกี่ยวข้อง
สัญญาณเตือน ลักษณะอาการที่สำคัญ อาจบ่งชี้ถึงภาวะ
1. เหนื่อยง่ายผิดปกติ รู้สึกหอบเหนื่อยเมื่อทำกิจกรรมเบาๆ ที่เคยทำได้ปกติ ภาวะหัวใจล้มเหลว, โรคหลอดเลือดหัวใจ
2. เจ็บแน่นหน้าอก รู้สึกแน่น บีบรัดกลางอก อาจร้าวไปแขนซ้ายหรือกราม ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
3. นอนราบไม่ได้ หายใจลำบากเมื่อนอนราบ ต้องหนุนหมอนสูงเพื่อนอน ภาวะหัวใจล้มเหลว, ภาวะน้ำคั่งในปอด
4. ตื่นกลางดึกเพราะหอบ ตื่นนอนตอนกลางคืนเพราะไอหรือหอบเหนื่อยอย่างรุนแรง ภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง
5. ใจสั่น รู้สึกหัวใจเต้นเร็ว เต้นแรง หรือเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
6. วูบ หน้ามืด เป็นลม หมดสติชั่วคราว หรือรู้สึกเหมือนจะหมดสติ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง, เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
7. ขาบวม บวมบริเวณข้อเท้าและขา กดแล้วเป็นรอยบุ๋ม ภาวะหัวใจล้มเหลวด้านขวา, ภาวะของเหลวคั่ง

ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสการเกิดโรคหัวใจ

นอกจากการสังเกตสัญญาณเตือนแล้ว การทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคหัวใจ ปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างสามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนได้ผ่านการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญประกอบด้วย:

  • ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ทำให้ผนังหลอดเลือดแดงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือด
  • ไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia): โดยเฉพาะไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ที่สูงเกินไป จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบตัน
  • โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus): ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานจะทำลายผนังหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงหลอดเลือดหัวใจ
  • ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน: เป็นปัจจัยที่สัมพันธ์กับความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และเบาหวาน ซึ่งทั้งหมดเป็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
  • การสูบบุหรี่: สารนิโคตินและสารพิษในควันบุหรี่ทำลายผนังหลอดเลือดโดยตรง ทำให้หลอดเลือดตีบและเพิ่มความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือด
  • การขาดการออกกำลังกาย: การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่ง (Sedentary Lifestyle) ทำให้หัวใจไม่แข็งแรงและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะอ้วน
  • ความเครียดเรื้อรัง: ความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น ซึ่งเป็นภาระต่อหัวใจในระยะยาว
  • ประวัติครอบครัว (กรรมพันธุ์): ผู้ที่มีญาติสายตรง (พ่อ แม่ พี่ น้อง) เป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุยังน้อย จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป

แนวทางการป้องกันและดูแลสุขภาพหัวใจ

การป้องกันโรคหัวใจสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้มีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ทันที

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค

การรับประทานอาหารอย่างชาญฉลาดเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี ควรเน้นการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ปลาและเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูง เช่น ของทอด อาหารแปรรูป และเบเกอรี่ รวมถึงลดการบริโภคอาหารรสเค็มจัดและหวานจัด เพื่อควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ จะช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความดันโลหิต และปรับปรุงระดับไขมันในเลือด การเริ่มต้นทีละน้อยและค่อยๆ เพิ่มความหนักและความถี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน

การจัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ

ความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญของโรคหัวใจ การหาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะสมกับตนเอง เช่น การทำสมาธิ โยคะ การทำงานอดิเรก หรือการพูดคุยกับคนใกล้ชิด สามารถช่วยลดผลกระทบของความเครียดได้ นอกจากนี้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูร่างกายและสุขภาพหัวใจ

หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทางพฤติกรรม

การงดสูบบุหรี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ควรจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปสามารถนำไปสู่ความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจล้มเหลวได้

การตระหนักรู้คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

ในโอกาสวันหัวใจโลกนี้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 7 สัญญาณเตือนโรคหัวใจที่ไม่ควรเมิน ถือเป็นความรู้พื้นฐานที่ทุกคนควรมี การรับฟังเสียงของร่างกายและไม่เพิกเฉยต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง การดูแลสุขภาพหัวใจไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจในทุกวันผ่านการเลือกวิถีชีวิตที่เหมาะสม

การตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความดันโลหิต ระดับไขมัน และระดับน้ำตาลในเลือด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย หากพบว่ามีอาการที่น่าสงสัยตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำในการดูแลรักษาที่ถูกต้อง การป้องกันและตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาหัวใจให้แข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930