Shopping cart






นาฬิกาวัดน้ำตาลไม่ต้องเจาะ! ผ่าน อย.ไทยแล้ว เช็กราคาที่นี่


นาฬิกาวัดน้ำตาลไม่ต้องเจาะ! ผ่าน อย.ไทยแล้ว เช็กราคาที่นี่

สารบัญ

กระแสความสนใจเกี่ยวกับ นาฬิกาวัดน้ำตาลไม่ต้องเจาะ! ผ่าน อย.ไทยแล้ว เช็กราคาที่นี่ ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและผู้ป่วยเบาหวาน แนวคิดของอุปกรณ์สวมใส่ที่สามารถติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องเจาะปลายนิ้วถือเป็นนวัตกรรมที่หลายคนรอคอย อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีสุขภาพได้อย่างปลอดภัย

สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสมาร์ทวอทช์วัดน้ำตาล

  • สถานะการรับรอง: จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2568 ยังไม่มีนาฬิกาวัดน้ำตาลในเลือดแบบไม่ต้องเจาะเลือด (Non-invasive) รุ่นใดที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย
  • คำเตือนจาก อย.: อย. ได้ออกมาเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อโฆษณาและซื้อสมาร์ทวอทช์หรืออุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ ที่อ้างว่าสามารถวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่ผ่านการรับรอง เนื่องจากอาจให้ผลที่ไม่แม่นยำและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
  • เทคโนโลยีทางเลือก: ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring – CGM) ที่ใช้งานได้จริงและได้รับการยอมรับทางการแพทย์ ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วบ่อยครั้ง แม้จะยังต้องมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ผิวหนังก็ตาม
  • อนาคตของเทคโนโลยี: การพัฒนาเทคโนโลยีเซ็นเซอร์แบบไม่ล่วงล้ำ เช่น PPG ยังคงอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความแม่นยำและความปลอดภัยก่อนจะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในทางการแพทย์ได้

สถานะการรับรองจาก อย. ในประเทศไทย: ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้

การตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ นาฬิกาวัดน้ำตาลไม่ต้องเจาะ เป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องพึ่งพาข้อมูลระดับน้ำตาลในเลือดที่แม่นยำในการจัดการสุขภาพ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการอนุมัติและคำแนะนำจากหน่วยงานภาครัฐจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

บทบาทและความสำคัญของ อย.

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. มีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งรวมถึงเครื่องมือแพทย์ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยหรือติดตามสภาวะของร่างกาย เช่น เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด จะต้องผ่านกระบวนการประเมินที่เข้มงวด ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาจำหน่ายหรือผลิตในประเทศ การมีตราสัญลักษณ์ อย. จึงเป็นการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้มาตรฐานและสามารถให้ผลที่น่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

คำเตือนอย่างเป็นทางการจาก อย.

จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ อย. ได้เตือนอย่างต่อเนื่องให้ผู้บริโภคระมัดระวังผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์หรือแหวนอัจฉริยะที่โฆษณาว่าสามารถวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยไม่ต้องเจาะเลือด เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ยังไม่เคยผ่านการประเมินและรับรองจาก อย. เลยแม้แต่ชิ้นเดียว การใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ไม่น่าเชื่อถืออาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดในการดูแลสุขภาพ เช่น การปรับขนาดยาอินซูลินหรือการควบคุมอาหาร ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายได้

“อย. ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อและซื้ออุปกรณ์ที่อ้างว่าสามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือดมาใช้ เนื่องจากยังไม่มีผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวได้รับการรับรองจาก อย. การแสดงผลที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยที่จำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด”

เทคโนโลยีเบื้องหลังการวัดน้ำตาลโดยไม่ต้องเจาะเลือด

เทคโนโลยีเบื้องหลังการวัดน้ำตาลโดยไม่ต้องเจาะเลือด

แม้ว่าในประเทศไทยจะยังไม่มีอุปกรณ์ที่ได้รับการรับรอง แต่ในต่างประเทศมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการวัดน้ำตาลโดยไม่ต้องเจาะเลือดอย่างต่อเนื่อง โดยมีเทคโนโลยีหลักๆ ที่น่าสนใจดังนี้

เซ็นเซอร์ PPG (Photoplethysmography)

เซ็นเซอร์ PPG คือเทคโนโลยีที่ใช้แสง LED สีเขียวส่องไปที่ผิวหนังบริเวณข้อมือเพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเลือด ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจใน สมาร์ทวอทช์สุขภาพ ทั่วไป แนวคิดในการนำมาประยุกต์ใช้วัดระดับน้ำตาลคือการวิเคราะห์รูปแบบการสะท้อนหรือการดูดกลืนแสงที่เปลี่ยนแปลงไปตามความเข้มข้นของกลูโคสในเลือด อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังคงมีความท้าทายสูงในเรื่องความแม่นยำ เนื่องจากมีปัจจัยรบกวนหลายอย่าง เช่น สีผิว ความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง และการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ ปัจจุบันจึงยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยเป็นส่วนใหญ่ และยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานทางการแพทย์

เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ฝังใต้ผิวหนังขนาดเล็ก

อีกหนึ่งแนวทางคือการใช้เซ็นเซอร์ที่มีเข็มขนาดเล็กมาก (Microneedle) ฝังลงไปในชั้นผิวหนังตื้นๆ เพื่อวัดระดับน้ำตาลในของเหลวระหว่างเซลล์ (Interstitial Fluid) ซึ่งเป็นของเหลวที่อยู่รอบๆ เซลล์และมีความสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือด เทคโนโลยีนี้ถือเป็นแบบ “ล่วงล้ำน้อยที่สุด” (Minimally Invasive) มากกว่าการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว แต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นแบบ “ไม่ล่วงล้ำ” (Non-invasive) อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากยังต้องมีการแทงผ่านผิวหนังอยู่บ้าง เทคโนโลยีลักษณะนี้มีใช้งานในต่างประเทศแต่ยังมีราคาสูงและมีข้อจำกัดในการใช้งาน

รู้จักกับ CGM (Continuous Glucose Monitoring): เทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบัน

ในขณะที่รอคอยการมาถึงของ เทคโนโลยีสุขภาพ 2568 ที่สมบูรณ์แบบ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงและได้รับการยอมรับทางการแพทย์แล้ว นั่นคือเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง หรือ CGM ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการ ตรวจเบาหวานไม่เจาะเลือด บ่อยครั้ง

CGM คืออะไรและทำงานอย่างไร?

CGM เป็นระบบที่ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1. เซ็นเซอร์ (Sensor): แผ่นแปะขนาดเล็กที่มีเส้นใยบางๆ สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง (โดยมากที่บริเวณต้นแขน) เพื่อวัดระดับน้ำตาลในของเหลวระหว่างเซลล์อย่างต่อเนื่อง
2. เครื่องส่งสัญญาณ (Transmitter): ติดอยู่กับเซ็นเซอร์ ทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่วัดได้แบบไร้สาย
3. เครื่องรับสัญญาณ (Receiver): อาจเป็นอุปกรณ์พกพาโดยเฉพาะ หรือสมาร์ทโฟนที่มีแอปพลิเคชันรองรับ ทำหน้าที่แสดงผลค่าระดับน้ำตาลแบบเรียลไทม์ รวมถึงแสดงกราฟแนวโน้มและตั้งค่าการแจ้งเตือนได้

ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลระดับน้ำตาลได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเจาะเลือดที่ปลายนิ้วทุกครั้ง เพียงแค่นำเครื่องรับสัญญาณหรือสมาร์ทโฟนมาสแกนที่เซ็นเซอร์ โดยเซ็นเซอร์หนึ่งตัวจะมีอายุการใช้งานประมาณ 7-14 วัน แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ

ข้อดีและข้อจำกัดของ CGM

ข้อดี:

  • ข้อมูลเชิงลึก: ให้ข้อมูลระดับน้ำตาลตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เห็นภาพรวมและแนวโน้มได้ดีกว่าการวัดเป็นจุดๆ
  • ลดการเจาะเลือด: ลดความเจ็บปวดและความยุ่งยากจากการต้องเจาะเลือดที่ปลายนิ้ววันละหลายครั้ง
  • ระบบแจ้งเตือน: สามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนได้เมื่อระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป ช่วยป้องกันภาวะอันตรายได้ทันท่วงที
  • การจัดการเบาหวานที่ดีขึ้น: แพทย์และผู้ป่วยสามารถใช้ข้อมูลจาก CGM เพื่อปรับแผนการรักษา การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อจำกัด:

  • ค่าใช้จ่าย: ระบบ CGM ยังมีราคาสูงกว่าการตรวจเลือดด้วยเครื่องวัดแบบดั้งเดิม ทั้งในส่วนของตัวเครื่องส่งสัญญาณและเซ็นเซอร์ที่ต้องเปลี่ยนเป็นประจำ
  • ความจำเป็นในการสวมใส่อุปกรณ์: ผู้ใช้ต้องมีเซ็นเซอร์ติดอยู่ที่ร่างกายตลอดเวลา ซึ่งอาจสร้างความรำคาญหรือเกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ในบางราย
  • ความล่าช้าของข้อมูล: การวัดน้ำตาลในของเหลวระหว่างเซลล์อาจมีค่าที่ช้ากว่า (Lag time) การวัดในเลือดโดยตรงประมาณ 5-15 นาที
  • การสอบเทียบ (Calibration): ในบางรุ่นยังจำเป็นต้องมีการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วเพื่อสอบเทียบความแม่นยำของเซ็นเซอร์เป็นครั้งคราว

ตารางเปรียบเทียบเทคโนโลยีตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด

ตารางนี้สรุปการเปรียบเทียบวิธีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด 3 รูปแบบหลักในด้านต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของแต่ละเทคโนโลยี
คุณลักษณะ การเจาะเลือดปลายนิ้ว (BGM) เครื่องวัดน้ำตาลต่อเนื่อง (CGM) นาฬิกาวัดน้ำตาล (ยังไม่ผ่านการรับรอง)
วิธีการวัด วัดจากเลือดที่ปลายนิ้วโดยตรง วัดจากของเหลวระหว่างเซลล์ผ่านเซ็นเซอร์ใต้ผิวหนัง อ้างว่าวัดผ่านเซ็นเซอร์แสง (PPG) หรือเทคโนโลยีอื่นบนผิวหนัง
ความเจ็บปวด เจ็บเล็กน้อยทุกครั้งที่เจาะ เจ็บเล็กน้อยตอนติดตั้งเซ็นเซอร์ครั้งแรก ไม่มีความเจ็บปวด (ตามทฤษฎี)
ความต่อเนื่องของข้อมูล วัดเป็นครั้งคราว ณ เวลาที่เจาะ ข้อมูลต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง อ้างว่าให้ข้อมูลต่อเนื่อง (ตามทฤษฎี)
การรับรองจาก อย. ไทย ได้รับการรับรอง (หลายยี่ห้อ) ได้รับการรับรอง (บางยี่ห้อ) ยังไม่มีรุ่นใดได้รับการรับรอง
ความแม่นยำ มีความแม่นยำสูง เป็นมาตรฐานอ้างอิง มีความแม่นยำสูง แต่มีค่าล่าช้าเล็กน้อย ยังไม่ได้รับการพิสูจน์และรับรองทางการแพทย์
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ค่าเครื่องเริ่มต้นต่ำ แต่มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องสำหรับแถบตรวจ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง (เซ็นเซอร์) สูง ยังไม่มีราคาที่เป็นมาตรฐาน และมีความเสี่ยงสูงในการซื้อ

ราคาและการเข้าถึงในตลาดไทย

ในประเด็นเรื่องราคาของ นาฬิกาวัดน้ำตาลไม่ต้องเจาะ ในประเทศไทยนั้น เนื่องจากยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่ผ่านการรับรองจาก อย. จึงไม่สามารถระบุราคาที่เป็นมาตรฐานได้ อุปกรณ์ที่อาจพบเห็นวางจำหน่ายตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ มักเป็นสินค้านำเข้าที่ไม่มีการรับประกันคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่ผู้ซื้อจะได้รับสินค้าที่ใช้งานไม่ได้จริงหรือให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงอย่าง CGM นั้น ราคาจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อและรุ่น โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายจะแบ่งเป็นค่าเครื่องส่งสัญญาณ (Transmitter) ที่มีอายุการใช้งานนาน และค่าเซ็นเซอร์ (Sensor) ที่ต้องเปลี่ยนทุก 7-14 วัน ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่องที่สูงกว่าการใช้เครื่องตรวจแบบเจาะปลายนิ้ว (BGM) อย่างมีนัยสำคัญ ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับข้อมูลและประเมินความเหมาะสมในการใช้งาน

บทสรุปและแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้บริโภค

สรุปได้ว่า แม้แนวคิดของ นาฬิกาวัดน้ำตาลไม่ต้องเจาะ จะเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในอนาคต แต่ในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2568) ยังไม่มีอุปกรณ์ประเภท Wearable device ที่สามารถทำได้จริงและผ่านการรับรองจาก อย. ในประเทศไทย การโฆษณาที่อ้างว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองแล้วจึงเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิดและลดการเจาะเลือด เทคโนโลยี CGM ถือเป็นทางเลือกที่ใช้งานได้จริงและมีความน่าเชื่อถือทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกชนิดควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

คำแนะนำที่สำคัญที่สุด คือการติดตามข่าวสารและประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการซื้อเครื่องมือแพทย์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับข้อมูลสุขภาพที่ไม่ถูกต้อง


สั่งเสื้อ

ตุลาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031