Shopping cart






บินส่งยา! โดรนช่วยชีวิตผู้ป่วยถึงบ้าน


บินส่งยา! โดรนช่วยชีวิตผู้ป่วยถึงบ้าน

สารบัญ

เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน กำลังก้าวข้ามบทบาทจากการใช้งานด้านการถ่ายภาพและความบันเทิง มาสู่การเป็นเครื่องมือสำคัญที่อาจปฏิวัติวงการสาธารณสุข การนำโดรนมาใช้ในการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ได้กลายเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงบริการสุขภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

  • เทคโนโลยีโดรนกำลังถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์โดยตรงถึงบ้านผู้ป่วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระบบโลจิสติกส์ด้านสาธารณสุข
  • ประเทศไทยได้เริ่มโครงการนำร่องการใช้โดรนส่งยาแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกล ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงให้สามารถเข้าถึงยาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
  • ประโยชน์หลักของนวัตกรรมนี้คือการช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางของผู้ป่วย และที่สำคัญคือการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ศักยภาพของโดรนทางการแพทย์นั้นกว้างขวาง ครอบคลุมตั้งแต่การจัดส่งยาสำหรับโรคเรื้อรัง ไปจนถึงการขนส่งที่ซับซ้อนและเร่งด่วน เช่น เลือด อวัยวะสำหรับการปลูกถ่าย และอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแวดวงการแพทย์และสาธารณสุข การริเริ่มโครงการ บินส่งยา! โดรนช่วยชีวิตผู้ป่วยถึงบ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นความท้าทายหลักในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แนวคิดนี้ไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยชีวิตผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร การขนส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนจึงเป็นมากกว่าบริการจัดส่ง แต่เป็นสะพานที่เชื่อมโยงผู้ป่วยเข้ากับการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที

ความสำคัญของเทคโนโลยีนี้ทวีความชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาถึงปัญหาความแออัดในสถานพยาบาล และภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยและญาติ การรอคิวรับยาที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานเป็นภาพที่คุ้นเคย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย โดรนส่งยาจึงเข้ามาเป็นทางออกที่ช่วยลดขั้นตอนเหล่านี้ ทำให้ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนที่บ้านและรอรับยาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทุกวินาทีมีความหมาย การจัดส่งเวชภัณฑ์สำคัญอย่างรวดเร็วสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตายได้ ดังนั้น การพัฒนาระบบนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของอนาคต แต่เป็นความจำเป็นที่เริ่มส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมแล้วในปัจจุบัน

ภาพรวมของเทคโนโลยีโดรนทางการแพทย์

การใช้โดรนในทางการแพทย์เป็นการประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicles – UAVs) เพื่อวัตถุประสงค์ในการขนส่งสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและเวชภัณฑ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เทคโนโลยีนี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของการขนส่งภาคพื้นดินแบบดั้งเดิม ซึ่งมักเผชิญกับอุปสรรคด้านการจราจร สภาพภูมิประเทศ หรือระยะทางที่ไกลเกินไป

นิยามและความสำคัญของโดรนส่งยา

โดรนส่งยา คือระบบที่ใช้โดรนเป็นพาหนะหลักในการนำส่งยาตามใบสั่งแพทย์ เวชภัณฑ์ วัคซีน ตัวอย่างเลือด หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดเล็กจากสถานพยาบาลหรือคลังยาไปยังที่พักของผู้ป่วยโดยตรง ความสำคัญของระบบนี้อยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการกระจายเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องการยาอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยที่ไม่สะดวกในการเดินทาง และในพื้นที่ที่การเข้าถึงสถานพยาบาลเป็นไปได้ยากลำบาก การลดระยะเวลาในการรอคอยยาหมายถึงการที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อผลลัพธ์การรักษาในระยะยาว

เบื้องหลังเทคโนโลยี: ศักยภาพที่มากกว่าการขนส่ง

เบื้องหลังการทำงานของโดรนส่งยาประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนหลายส่วน ทั้งระบบนำทางด้วยดาวเทียม (GPS) ที่มีความแม่นยำสูง ระบบการบินอัตโนมัติที่สามารถกำหนดเส้นทางและหลบหลีกสิ่งกีดขวาง และระบบสื่อสารที่ช่วยให้สามารถติดตามสถานะของโดรนได้แบบเรียลไทม์ โดรนที่ใช้ในภารกิจทางการแพทย์มักถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะสมกับงาน เช่น โดรนที่ใช้ในโครงการนำร่องของไทย ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท เอวิลอน โรโบทิคส์ จำกัด สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอสำหรับการส่งยาหลายรายการในเที่ยวบินเดียว

นอกจากนี้ ในบางกรณี โดรนยังถูกติดตั้งด้วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล่องควบคุมอุณหภูมิ สำหรับการขนส่งเวชภัณฑ์ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษอย่างวัคซีนหรือเลือด เพื่อให้มั่นใจว่าเวชภัณฑ์จะยังคงคุณภาพสูงสุดเมื่อถึงมือผู้รับ ศักยภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าโดรนไม่ได้เป็นเพียง “บุรุษไปรษณีย์บนฟ้า” แต่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูงที่ช่วยรักษามาตรฐานและความปลอดภัยของเวชภัณฑ์ตลอดเส้นทางการขนส่ง

กรณีศึกษาในประเทศไทย: ก้าวแรกของการปฏิวัติระบบสาธารณสุข

ประเทศไทยได้เริ่มนำร่องการใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อการสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหาและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล

โครงการนำร่องโรงพยาบาลพยัคฆภูมิพิสัย

โรงพยาบาลพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ถือเป็นหนึ่งในสถานพยาบาลแห่งแรกๆ ของไทยที่ได้ทดลองใช้โดรนเพื่อส่งยาไปยังบ้านของผู้ป่วยอย่างจริงจัง โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางมารับยาที่โรงพยาบาลได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้วยข้อจำกัดด้านสุขภาพ อายุ หรือระยะทาง โครงการนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการผสานการบริการ สาธารณสุขทางไกล (Telemedicine) เข้ากับการขนส่งที่ทันสมัย เพื่อสร้างระบบการดูแลผู้ป่วยที่ครอบคลุมและไร้รอยต่อ

โครงการนำร่องที่โรงพยาบาลพยัคฆภูมิพิสัยเป็นการพิสูจน์แนวคิดว่า เทคโนโลยีสุขภาพ สามารถนำมาปรับใช้ในบริบทของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างแท้จริง

กระบวนการให้บริการสำหรับผู้ป่วย

รูปแบบการให้บริการของโครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ป่วยสองกลุ่มหลัก เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกัน:

  1. กลุ่มผู้ป่วยที่รับบริการผ่านสถานีสุขภาพในหมู่บ้าน: ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถเข้ารับการตรวจรักษากับแพทย์ผ่านระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่สถานีสุขภาพใกล้บ้าน โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นผู้ช่วยประสานงาน คอยซักประวัติเบื้องต้นและช่วยเหลือในการใช้อุปกรณ์สื่อสาร เช่น กล้องคุณภาพสูงและคอมพิวเตอร์ หลังจากแพทย์วินิจฉัยและสั่งยาแล้ว ยาจะถูกจัดเตรียมและนำส่งไปยังบ้านของผู้ป่วยโดยตรงด้วยโดรน
  2. กลุ่มผู้ป่วยที่มาตรวจที่โรงพยาบาล: สำหรับผู้ป่วยที่ยังคงสะดวกเดินทางมาตรวจที่โรงพยาบาล แต่ไม่ต้องการรอคิวรับยาเป็นเวลานาน หลังจากพบแพทย์และได้รับใบสั่งยาแล้ว ผู้ป่วยสามารถเดินทางกลับบ้านได้ทันที จากนั้นทางโรงพยาบาลจะจัดยาและใช้บริการโดรนส่งยาตามไปให้ที่บ้านในภายหลัง

กระบวนการทั้งสองรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วย แต่ยังช่วยลดความแออัดบริเวณห้องจ่ายยาของโรงพยาบาล ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้ป่วยรายอื่นได้อย่างเต็มที่มากขึ้น นับเป็นการนำ เทคโนโลยีสุขภาพ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริการโดยรวม

มุมมองระดับโลก: โดรนช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง

มุมมองระดับโลก: โดรนช่วยชีวิตในสถานการณ์จริง

แนวคิดการใช้โดรนเพื่อการแพทย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก หลายประเทศได้นำเทคโนโลยีนี้ไปปรับใช้และพัฒนาจนเกิดเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโดรนในการช่วยชีวิตมนุษย์ในสถานการณ์วิกฤต

ภารกิจส่งเครื่องกระตุ้นหัวใจในสวีเดน

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดเกิดขึ้นที่ประเทศสวีเดน ที่ซึ่งชายวัย 71 ปีเกิดภาวะหัวใจวายขณะกำลังกวาดหิมะอยู่ที่หน้าบ้าน โชคดีที่มีแพทย์อยู่ใกล้เคียงและได้เริ่มทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ทันที พร้อมกับโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ ก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง มีโดรนลำหนึ่งบินมาถึงที่เกิดเหตุก่อน และหย่อนเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ลงมาให้ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้ช่วยชีวิตชายคนดังกล่าวได้สำเร็จ กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าความเร็วของโดรนสามารถเอาชนะข้อจำกัดของการจราจรภาคพื้นดิน และนำส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่สำคัญไปยังผู้ป่วยได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโอกาสรอดชีวิต

การสร้างเครือข่ายส่งเลือดฉุกเฉินในจีน

ในประเทศจีน มีการทดลองและพัฒนาเส้นทางบินของโดรนเพื่อใช้ในการขนส่งเลือดสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเฉพาะ ระบบนี้ถูกออกแบบมาอย่างรัดกุม โดยโดรนจะติดตั้งกล่องควบคุมอุณหภูมิที่สามารถรักษาคุณภาพของถุงเลือดไว้ได้ตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามตำแหน่งและสถานะการบินแบบเรียลไทม์ ทำให้ศูนย์บัญชาการสามารถตรวจสอบความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที เป้าหมายของโครงการนี้คือการลดระยะเวลาการสูญเสียไปกับการขนส่งเลือดด้วยวิธีแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจล่าช้าจากปัญหารถติดหรือระยะทางที่ไกล การมีเครือข่ายโดรนที่พร้อมใช้งานตลอดเวลาจะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถรับมือกับกรณีอุบัติเหตุรุนแรงหรือการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องการเลือดสำรองจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประโยชน์ของการใช้โดรนในระบบบริการสุขภาพ

การนำโดรนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งต่อตัวผู้ป่วยโดยตรงและต่อภาพรวมของระบบบริการสุขภาพของประเทศ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักได้ดังนี้

สำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการเพิ่มความสะดวกสบายและลดภาระให้กับผู้ป่วยและครอบครัว โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว การไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรับยาเพียงอย่างเดียวช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเดินทาง เช่น อุบัติเหตุ หรือการติดเชื้อระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง การได้รับยาอย่างต่อเนื่องและตรงเวลาที่บ้านยังช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับสถานพยาบาลและระบบสาธารณสุข

ในมุมของสถานพยาบาล การใช้โดรนส่งยาช่วยลดความแออัดในพื้นที่รอรับยาและพื้นที่อื่นๆ ของโรงพยาบาลได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถจัดสรรเวลาและทรัพยากรไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหนักหรือมีความจำเป็นเร่งด่วนได้ดียิ่งขึ้น ในภาพใหญ่ การขนส่งเวชภัณฑ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยังช่วยให้ระบบสาธารณสุขสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินหรือภาวะวิกฤตได้ดีขึ้น เช่น การกระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ห่างไกล หรือการส่งยาและเวชภัณฑ์จำเป็นไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่การคมนาคมทางบกถูกตัดขาด

ตารางสรุปประโยชน์ของโดรนส่งยาในมิติต่างๆ
ประเด็น ประโยชน์สำหรับผู้ป่วย ประโยชน์สำหรับระบบสาธารณสุข
การเข้าถึงบริการ ผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลและผู้ที่เดินทางลำบากสามารถเข้าถึงยาได้ง่ายขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพระหว่างพื้นที่เมืองและชนบท
เวลา ลดเวลารอคอยรับยาที่โรงพยาบาล และประหยัดเวลาในการเดินทาง เพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งเวชภัณฑ์ในภาวะฉุกเฉิน ทำให้การช่วยเหลือทันท่วงที
ค่าใช้จ่าย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในระยะยาว และบริหารจัดการทรัพยากรได้ดีขึ้น
ประสิทธิภาพ ได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง ไม่ขาดยา ส่งผลดีต่อการควบคุมโรค ลดภาระงานของบุคลากร และลดความแออัดในสถานพยาบาล
ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการเดินทางไปในที่ชุมชนหรือโรงพยาบาล สามารถส่งเวชภัณฑ์ไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ภัยพิบัติได้อย่างปลอดภัย

ความท้าทายและทิศทางในอนาคต

แม้ว่าเทคโนโลยีโดรนส่งยาจะมีศักยภาพสูง แต่การนำมาใช้งานในวงกว้างยังคงมีความท้าทายหลายประการที่ต้องพิจารณา ทั้งในด้านกฎระเบียบการบินที่ต้องมีความชัดเจนและรัดกุมเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ข้อจำกัดทางเทคนิคของตัวโดรนเอง เช่น ระยะทางการบินที่จำกัด สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และความสามารถในการบรรทุกน้ำหนัก รวมถึงประเด็นด้านความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วยและความเป็นส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม ทิศทางในอนาคตของเทคโนโลยีนี้ยังคงสดใส มีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาโดรนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถบินได้ไกลขึ้นและทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การผสานระบบโดรนเข้ากับแพลตฟอร์ม แอปสั่งยา และระบบการแพทย์ทางไกลอย่างสมบูรณ์ จะทำให้เกิดระบบนิเวศด้านสุขภาพดิจิทัลที่ครบวงจร ตั้งแต่การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ การสั่งยา ไปจนถึงการรับยาที่บ้านโดยไม่ต้องก้าวออกจากประตู ซึ่งจะเป็นการยกระดับประสบการณ์การเข้ารับบริการสุขภาพของผู้คนไปอีกขั้น

สรุป: อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสุขภาพ

โครงการ บินส่งยา! โดรนช่วยชีวิตผู้ป่วยถึงบ้าน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมในระบบสาธารณสุข การเดินทางของยาจากโรงพยาบาลสู่บ้านผู้ป่วยด้วยโดรนไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงวิธีการขนส่ง แต่เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการดูแลผู้ป่วยให้เป็นไปในเชิงรุกและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น นวัตกรรมนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดความแออัด ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

แม้จะยังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า แต่ความสำเร็จจากโครงการนำร่องทั้งในไทยและต่างประเทศได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาล การพัฒนาต่อยอดและการสนับสนุนเทคโนโลยีสุขภาพเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชากรทุกคน


กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930