ภาพซาโลเมในคัมภีร์ไบเบิลของจิตรกรชาวเฟลมิชชื่อปีเตอร์ พอล รูเบนส์กับนักบุญจอห์น เดอะ แบปทิสต์ที่ถูกตัดศีรษะ ซึ่งเชื่อกันว่าสูญหายไปนานกว่า 2 ศตวรรษ เป็นหนึ่งในผลงานศิลปะยุคบาโรก 10 ชิ้นที่ออกประมูลในนิวยอร์กเมื่อเดือนมกราคมและมี 1 ในนั้นเป็นผลงานชิ้นเอก
ภาพวาดซึ่งรูเบนส์วาดขึ้นราวปี 1609 ถูกระบุแหล่งที่มาอย่างผิดๆ เป็นเวลา 220 ปีหลังจากที่มันถูกขายให้กับคอลเลกชันส่วนตัวของฝรั่งเศสในปี 1768 ตามคำกล่าวของโฆษกของ Sotheby หลังจาก “ค้นพบใหม่” ในช่วงทศวรรษที่ 1980 มันถูกขายในราคา 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 1998 ที่ทำลายสถิติ ณ ขณะนั้น ปัจจุบัน มันถูกประเมินว่ามีมูลค่ามากกว่านั้นถึง 6 เท่า โดยบริษัทประมูล Sotheby’s คาดว่าจะเสนอราคาสูงถึง 35 ล้านเหรียญสหรัฐ
หัวข้อ “Salome นำเสนอด้วยศีรษะที่ถูกตัดขาดของนักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมา” เป็นผลงานชิ้นเอกในคอลเล็กชั่นภาพวาดที่หายาก ซึ่งรวมถึงผลงานของศิลปินชาวฝรั่งเศส Valentin de Boulogne และ Georges de la Tour และจิตรกรชาวอิตาลี Orazio Gentileschi ซึ่งเป็นสไตล์บาโรกที่เป็นที่รู้จักจากเงาหนาและความแตกต่างอย่างมากของแสงและความมืด เฟื่องฟูไปทั่วยุโรปในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 และมีรากฐานมาจากผลงานของศิลปินชาวอิตาลี เช่น Caravaggio
Credit: Courtesy Sotheby’s
ผลงานทั้ง 10 ชิ้นมาจากการรวบรวมของ Mark Fisch ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิแทนในนิวยอร์ก และอดีตผู้พิพากษาราเชล เดวิดสันแห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทั้งคู่ฟ้องหย่าเมื่อต้นปีนี้ แม้ว่าภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์จะไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการขายทอดตลาด แต่ Keith Christiansen ประธานแผนกจิตรกรรมยุโรปของ Met ได้กล่าวชื่นชมผลงานศิลปะว่า “มีระดับคุณภาพที่ยั่งยืน”
“นี่คือภาพวาดสไตล์บาโรกที่พูดด้วยน้ำเสียงร่วมสมัย” เขากล่าวในแถลงการณ์ “ความทันสมัยของพวกเขาอยู่ในมิติทางจิตวิทยาที่ละเอียดลออ ผสมผสานกับไหวพริบที่น่าทึ่ง รับรู้ได้ด้วยพู่กันที่สื่อความหมายได้อย่างยอดเยี่ยม”
Credit: Courtesy Sotheby’s
ภาพวาดจากคอลเลคชันซึ่งสะสมมากว่าสามทศวรรษได้รับการจัดแสดงที่ Met เช่นเดียวกับที่ National Gallery ในกรุงลอนดอน และที่พิพิธภัณฑ์ Prado ในกรุงแมดริดตามรายงานของ Sotheby’s
ฉากที่หนาและนองเลือด (Bold and bloody scenes)
หากภาพวาดของรูเบนส์เกี่ยวกับซาโลเมเกินประมาณการไว้สูง ก็จะนับรวมหนึ่งในผลงาน Old Masters ที่แพงที่สุดเท่าที่เคยขายมา ร่วมกับภาพวาด “Lot and His Daughters” ของรูเบนส์ในภายหลัง ซึ่งขายในปี 2016 ด้วยราคา 44.9 ล้านปอนด์ (มากกว่า 58 ล้านเหรียญสหรัฐ) ที่ Christie’s ในลอนดอน ผลงานของ Sandro Botticelli, Rembrandt และ Leonardo da Vinci ติดอันดับต้น ๆ ด้วยยอดขายที่เผยแพร่อย่างสูงในทศวรรษที่ผ่านมา นำโดย “Salvator Mundi” มูลค่า 450.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแผนการดังกล่าวเติบโตขึ้นท่ามกลางข้อพิพาททางกฎหมายและการหายตัวไปของภาพวาดจากสายตาสาธารณะ
ตามที่ Sotheby’s คณะ Salome ของ Rubens อาจจัดทำขึ้นสำหรับผู้อุปถัมภ์ชาวสเปนและได้รับการบันทึกไว้ในสินค้าคงคลังของราชวงศ์สเปนในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 17 แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับคณะกรรมาธิการก็ตาม
Credit: Courtesy Sotheby’s
ในคัมภีร์ไบเบิล ซาโลเมเป็นหญิงสาวที่ขอเป็นประมุขของนักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมาหลังจากที่เขาถูกประหารชีวิตเพราะประณามการแต่งงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของแม่ของเธอกับเฮโรด อันติปัส ในฉากอันน่าสยดสยองของรูเบนส์ ซาโลเมเปล่งประกายด้วยสีแดงและสีทองขณะที่เธอสวมศีรษะของนักเทศน์ อ้าปากค้างบนจาน และร่างของเขาเหยียดยาวด้านล่าง
“ภาพวาดของรูเบนส์เกี่ยวกับการตัดศีรษะของนักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมา … เป็นผลงานที่ศิลปินอายุน้อยยังคงสำรวจพลวัตของความรุนแรงและทางเพศของเรื่องเล่าในพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างไม่เกรงกลัว เช่นเดียวกับมาร์ติน สกอร์เซซีก่อนภาพยนตร์” คริสเตียนเซนกล่าว
ที่อื่นๆ ในคอลเลคชันนี้ บุคคลสำคัญหญิงคนอื่นๆ จากคัมภีร์ไบเบิลได้รับความสนใจ ภาพวาดที่เย้ายวนใจของ Gentileschi “Penitent Saint Mary Magdalene” คาดว่าจะขายได้สูงถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ “Judith and Holofernes” ของ Guilio Cesare Procaccini ซึ่งสามารถขายได้ถึง 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นฉากตัดศีรษะอันโด่งดังอีกฉากหนึ่ง ซึ่งคราวนี้เป็นภาพของหญิงม่าย Judith กับ หัวหน้าทรราชโฮโลเฟิร์นเนส
ที่มา edition.cnn.com