Shopping cart

รัฐดัน ‘Workation’ พลิกโฉมท่องเที่ยวไทย?

สารบัญ

ท่ามกลางภูมิทัศน์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก รัฐบาลไทยได้ริเริ่มกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อปรับโฉมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างการทำงานและการพักผ่อน หรือที่เรียกว่า ‘Workation’ เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงและตอบสนองต่อวิถีชีวิตยุคดิจิทัล

ประเด็นสำคัญของนโยบาย Workation

  • การขยายฐานนักท่องเที่ยว: นโยบายนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่ม Digital Nomads, Expatriates และ Freelancers ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีแนวโน้มพำนักระยะยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป
  • ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน: การจับมือกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Fastwork ในแคมเปญ “Workation Paradise” สะท้อนถึงแนวทางการตลาดที่ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
  • การกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น: การส่งเสริมให้เกิด Workation ในเมืองรองและช่วงวันธรรมดา ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดการกระจุกตัวในเมืองท่องเที่ยวหลัก และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
  • เป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน: รัฐบาลตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวปี 2568 ไว้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท โดยคาดว่า Workation จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
  • การปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล: แนวคิด Workation เป็นการปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทยให้สอดรับกับเทรนด์การทำงานทางไกล (Remote Work) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดทั่วโลก

บทนำสู่มิติใหม่ของการท่องเที่ยวไทย

การที่รัฐดัน ‘Workation’ พลิกโฉมท่องเที่ยวไทย? ไม่ใช่เป็นเพียงคำถาม แต่คือยุทธศาสตร์สำคัญที่ภาครัฐกำลังผลักดันอย่างจริงจังเพื่อฟื้นฟูและยกระดับอุตสาหกรรมหลักของประเทศ แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความเข้าใจในพฤติกรรมของคนทำงานยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเข้ามาทลายข้อจำกัดด้านสถานที่ทำงาน ทำให้เกิดอิสระในการเดินทางและใช้ชีวิตมากขึ้น นโยบายดังกล่าวจึงเป็นความพยายามในการคว้าโอกาสจากเทรนด์ระดับโลก เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็น “Dream Destination” หรือจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับผู้ที่ต้องการผสานชีวิตการทำงานและการพักผ่อนอย่างลงตัว

โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคหลังการระบาดใหญ่ ซึ่งหลายองค์กรทั่วโลกได้ปรับเปลี่ยนนโยบายให้มีความยืดหยุ่นด้านการทำงานมากขึ้น กลุ่มคนทำงานอิสระ หรือ Digital Nomad ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมองหาประเทศที่มีค่าครองชีพสมเหตุสมผล มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวย และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ซึ่งประเทศไทยมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน การส่งเสริม Workation อย่างเป็นระบบจึงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการดึงดูดกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูงเข้ามาพำนักและใช้จ่ายในประเทศเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศ

เจาะลึกแนวคิด Workation: การทำงานยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นิยามและความสำคัญของ Workation

Workation หรือ Work + Vacation คือรูปแบบการใช้ชีวิตที่ผสมผสานระหว่างการทำงาน (Work) และการท่องเที่ยวพักผ่อน (Vacation) เข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหลัก ทำให้คนทำงานสามารถปฏิบัติภารกิจจากนอกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมริมชายหาด คาเฟ่บนภูเขา หรือ Co-working space ในเมืองรองที่ยังไม่เคยไปเยือน แนวคิดนี้แตกต่างจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ (Business Trip) แบบดั้งเดิมที่มักมีกำหนดการที่แน่นอนและจำกัด แต่ Workation ให้อิสระและความยืดหยุ่นสูงกว่า ทำให้ผู้คนสามารถดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและประสบการณ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบงานของตนเอง

ความสำคัญของ Workation ในบริบทเศรษฐกิจไทยมีหลายมิติ ประการแรก คือการสร้างตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักมีระยะเวลาพำนักยาวนานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป (Long-stay) ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นมากขึ้น ตั้งแต่ค่าที่พัก ค่าอาหาร ไปจนถึงค่าบริการต่างๆ ประการที่สอง คือการช่วยลดปัญหาการท่องเที่ยวตามฤดูกาล (Seasonality) เนื่องจากคนกลุ่มนี้สามารถเดินทางได้ตลอดทั้งปี ไม่จำเป็นต้องรอช่วงวันหยุดยาว ทำให้ผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวสามารถมีรายได้ที่สม่ำเสมอมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันธรรมดาหรือนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของภาครัฐ

กลุ่มเป้าหมายหลัก: ใครคือผู้เล่นสำคัญในสมการนี้?

นโยบายส่งเสริม Workation ของไทยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มบุคคลที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานและมีไลฟ์สไตล์ที่รักการเดินทางเป็นหลัก สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มสำคัญ:

  1. Digital Nomads: กลุ่มคนทำงานทางไกลที่ไม่มีที่ทำงานประจำ พวกเขาสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ในโลกที่มีอินเทอร์เน็ตเข้าถึง ประกอบอาชีพหลากหลาย เช่น โปรแกรมเมอร์ นักการตลาดดิจิทัล นักเขียนคอนเทนต์ กราฟิกดีไซเนอร์ หรือที่ปรึกษาอิสระ กลุ่มนี้ถือเป็นเป้าหมายหลักเนื่องจากมีศักยภาพในการพำนักระยะยาวและใช้จ่ายสูง
  2. Expatriates (ผู้ที่ทำงานในต่างประเทศ): ชาวต่างชาติที่ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว นโยบายนี้กระตุ้นให้กลุ่ม Expat ออกเดินทางท่องเที่ยวและทำงานจากจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่เมืองที่ตนเองอาศัยอยู่เป็นประจำ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากกลุ่มผู้มีรายได้สูง
  3. Freelancers และพนักงานบริษัทในไทย: กลุ่มฟรีแลนซ์และพนักงานบริษัทไทยที่องค์กรมีนโยบายให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญ นโยบาย Workation ช่วยสร้างแรงจูงใจให้คนกลุ่มนี้ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานในต่างจังหวัด ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองรองได้เป็นอย่างดี

นโยบายและแคมเปญเด่น: กลไกภาครัฐในการขับเคลื่อน Workation

นโยบายและแคมเปญเด่น: กลไกภาครัฐในการขับเคลื่อน Workation

เพื่อผลักดันให้แนวคิด Workation เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและประสบความสำเร็จ ภาครัฐ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ริเริ่มโครงการและแคมเปญต่างๆ ขึ้นมา เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำงานและการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

เป้าหมายหลักคือการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับการทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกันในต่างจังหวัด สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางที่มีคุณภาพ

โครงการ “Workation Paradise Throughout Thailand”

หนึ่งในโครงการเรือธงคือ “Workation Paradise Throughout Thailand” ซึ่งดำเนินมาถึง Season 3 แล้ว โครงการนี้เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ททท. และ Fastwork ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำด้านการจัดหางานฟรีแลนซ์ในประเทศไทย การร่วมมือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงและสร้างแรงจูงใจที่เป็นรูปธรรม

กลไกของโครงการคือการมอบสิทธิพิเศษและส่วนลดจากสถานประกอบการชั้นนำกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมบริการที่จำเป็นสำหรับชาว Workation ได้แก่:

  • ที่พักและโรงแรม: ส่วนลดพิเศษสำหรับที่พักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะกับการทำงาน เช่น โต๊ะทำงานที่เหมาะสม และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
  • ร้านอาหารและคาเฟ่: สิทธิพิเศษสำหรับร้านอาหารและคาเฟ่ที่สามารถนั่งทำงานได้
  • Co-Working Space: ส่วนลดค่าบริการสำหรับพื้นที่ทำงานร่วม ที่มีบรรยากาศส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และโอกาสในการสร้างเครือข่าย
  • บริการด้านการท่องเที่ยว: ส่วนลดสำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวและบริการอื่นๆ เช่น สปา หรือรถเช่า เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การพักผ่อน

ความร่วมมือกับ Fastwork ช่วยให้สามารถสื่อสารแคมเปญไปยังกลุ่มฟรีแลนซ์และคนทำงานดิจิทัลนับแสนรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการตลาดที่ตรงจุดและสร้างผลกระทบได้ในวงกว้าง

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและวันธรรมดา

อีกหนึ่งมิติที่สำคัญของนโยบาย Workation คือการกระจายนักท่องเที่ยวและรายได้ออกจากเมืองหลักไปสู่ เที่ยวเมืองรอง ซึ่งยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก การทำงานจากเมืองรองช่วยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เพื่อส่งเสริมการเดินทางในช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวน้อย รัฐบาลได้จัดแคมเปญ “Workation Thailand 100 เดียวเที่ยวได้งาน” ซึ่งเป็นการจำหน่าย Voucher ในราคาเพียง 100 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดสำหรับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว แคมเปญลักษณะนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเดินทางได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางในวันธรรมดา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารมีลูกค้าหมุนเวียนตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ใช่แค่ช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาวเท่านั้น

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย

การผลักดัน Workation ไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างกระแส แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่คาดหวังผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนและโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวไทย

เป้าหมายด้านรายได้และการเติบโต

รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยวสำหรับปี 2568 (ค.ศ. 2025) ไว้อย่างท้าทาย โดยคาดการณ์ว่ารายได้รวมจะสูงถึง 3.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นการเติบโตประมาณ 7.5% ตัวเลขนี้ประกอบด้วยเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง

นโยบาย Workation ถูกวางให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะ:

  • พำนักระยะยาว (Long Stay): ระยะเวลาการพำนักที่นานกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป หมายถึงการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้าน
  • ใช้จ่ายต่อหัวสูง (High Spending): แม้จะมองหาความคุ้มค่า แต่กลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้กับที่พักที่สะดวกสบาย อาหารที่มีคุณภาพ และประสบการณ์ที่น่าจดจำ
  • กระจายรายได้ (Income Distribution): การเลือกทำงานในเมืองรองหรือพื้นที่ห่างไกล ช่วยนำเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นโดยตรง

โอกาสสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น

การมาถึงของเทรนด์ Workation ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในพื้นที่ต่างๆ ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ เช่น:

  • ธุรกิจโรงแรมและที่พัก: สามารถจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางให้เป็น Co-working space ขนาดเล็ก หรือปรับปรุงห้องพักให้มีโต๊ะทำงานที่สะดวกสบาย พร้อมติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและปลั๊กไฟให้เพียงพอ
  • ร้านกาแฟและร้านอาหาร: สามารถปรับร้านให้เป็น “Work-friendly” มากขึ้น โดยการจัดหา Wi-Fi ฟรี มีปลั๊กไฟบริการ และจัดมุมที่เงียบสงบสำหรับการทำงาน
  • ธุรกิจ Co-Working Space: สามารถเติบโตได้โดยตรงจากเทรนด์นี้ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวที่ยังไม่มีผู้ให้บริการมากนัก สามารถนำเสนอแพ็คเกจรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย
  • ธุรกิจนำเที่ยวและกิจกรรม: สามารถออกแบบโปรแกรมทัวร์ครึ่งวันหรือกิจกรรมผ่อนคลายหลังเลิกงาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม Workation ได้ใช้เวลาว่างอย่างคุ้มค่า

การปรับตัวเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยในระยะยาว

ความท้าทายและข้อพิจารณาในการผลักดัน Workation สู่ความสำเร็จ

แม้ว่าแนวคิด Workation จะมีศักยภาพสูง แต่การจะผลักดันให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั้นยังมีความท้าทายหลายประการที่ภาครัฐและผู้ประกอบการต้องร่วมกันพิจารณาและแก้ไข

โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น

หัวใจสำคัญที่สุดของการ ทำงานทางไกล คือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ความท้าทายหลักคือการรับประกันว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมีเสถียรภาพจะครอบคลุมไปยังพื้นที่เมืองรองและแหล่งท่องเที่ยวที่ห่างไกล การเชื่อมต่อที่ไม่น่าเชื่อถืออาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ปฏิเสธที่จะเดินทางไปในพื้นที่นั้นๆ นอกจากนี้ ความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น Co-working space ที่ได้มาตรฐาน, ระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อถึงกัน และความปลอดภัย ก็เป็นปัจจัยที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไป

การแข่งขันระดับนานาชาติ

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่เล็งเห็นโอกาสจากเทรนด์ Workation หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกต่างก็ออกนโยบายและวีซ่าประเภทใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่ม Digital Nomad เช่นกัน ความท้าทายคือการสร้างจุดเด่นและความแตกต่างที่ทำให้ไทยยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ซึ่งอาจต้องพิจารณาในเรื่องของนโยบายวีซ่าที่เอื้อต่อการพำนักระยะยาว, การสร้างชุมชน (Community) สำหรับชาว Digital Nomad ให้แข็งแกร่ง และการสื่อสารการตลาดที่เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรม อาหาร และความเป็นมิตรของคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ลอกเลียนแบบได้ยาก

ตารางเปรียบเทียบ: โอกาสและความท้าทายของนโยบาย Workation

ตารางสรุปโอกาสและความท้าทายของนโยบายส่งเสริม Workation ในประเทศไทย เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกระทบในมิติต่างๆ
มิติ โอกาส (Opportunity) ความท้าทาย (Challenge)
เศรษฐกิจ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวคุณภาพสูง, กระจายรายได้สู่เมืองรอง, ลดปัญหาการท่องเที่ยวตามฤดูกาล การแข่งขันสูงจากประเทศอื่น, การพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจมีความผันผวน
ผู้ประกอบการ สร้างตลาดและกลุ่มลูกค้าใหม่, เพิ่มอัตราการเข้าพัก/ใช้บริการในวันธรรมดา, ยกระดับมาตรฐานธุรกิจ ต้องลงทุนปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก, ขาดความรู้ความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สังคมและชุมชน เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความรู้, สร้างงานในท้องถิ่น, ฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน อาจเกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิม, ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นในบางพื้นที่ (Gentrification)
โครงสร้างพื้นฐาน เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและระบบคมนาคมให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความเร็วและเสถียรภาพของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลยังเป็นอุปสรรค, การเดินทางบางเส้นทางยังไม่สะดวก

บทสรุปและทิศทางในอนาคตของการท่องเที่ยวไทย

นโยบายที่รัฐดัน ‘Workation’ เพื่อพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย นับเป็นก้าวเดินที่สำคัญและสอดคล้องกับทิศทางของโลกยุคใหม่ เป็นการปรับยุทธศาสตร์จากการเน้น “ปริมาณ” ไปสู่การเน้น “คุณภาพ” ของนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง การผสมผสานการทำงานเข้ากับการพักผ่อนไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก, ส่งเสริมเมืองรองให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ

ความสำเร็จของนโยบายนี้ในระยะยาวขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐที่ต้องอำนวยความสะดวกด้านนโยบายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, ภาคเอกชนที่ต้องปรับตัวและสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์ และชุมชนท้องถิ่นที่ต้องพร้อมเปิดรับและบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วม หากสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ไปได้ แนวคิด Workation จะไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการทำงานและท่องเที่ยวชั้นนำของโลก สร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ที่ดีงามในเวทีนานาชาติต่อไป

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930