Shopping cart

ทำเสื้อทีม? 5 เทคนิคสกรีนเสื้อยอดฮิต งบน้อยก็ทำแบรนด์ได้

สารบัญ

การสร้างเอกลักษณ์ให้ทีม กลุ่ม หรือแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองกลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการทำเสื้อทีมสำหรับกิจกรรมกีฬา เสื้อรุ่นสำหรับงานคืนสู่เหย้า หรือการเริ่มต้นธุรกิจเสื้อผ้าขนาดเล็ก การเลือกเทคนิคการพิมพ์ที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ บทความนี้จะสำรวจวิธีทำเสื้อทีม? 5 เทคนิคสกรีนเสื้อยอดฮิต งบน้อยก็ทำแบรนด์ได้ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจที่คุ้มค่าและตรงกับความต้องการมากที่สุด

สรุปประเด็นสำคัญ

  • เทคนิคการสกรีนเสื้อมีความหลากหลาย ตั้งแต่แบบดั้งเดิมที่ลงทุนน้อยไปจนถึงระบบดิจิทัลที่ทันสมัย แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
  • การเลือกเทคนิคที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของผ้า ความซับซ้อนของลาย จำนวนที่ต้องการผลิต และงบประมาณที่มี
  • เทคนิคสมัยใหม่เช่น DTG (Direct to Garment) และ DTF (Direct to Film) ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องจำนวนสีและจำนวนขั้นต่ำในการผลิต ทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือธุรกิจขนาดเล็ก
  • การทำความเข้าใจในแต่ละเทคนิคจะช่วยให้สามารถควบคุมคุณภาพ ต้นทุน และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ด้วยงบประมาณเริ่มต้นที่ไม่สูงนัก การสร้างแบรนด์เสื้อผ้าหรือทำเสื้อทีมที่มีคุณภาพก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

ความสำคัญของการเลือกเทคนิคสกรีนเสื้อที่เหมาะสม

การจะทำเสื้อทีม? 5 เทคนิคสกรีนเสื้อยอดฮิต งบน้อยก็ทำแบรนด์ได้นั้น เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจว่าเทคนิคการพิมพ์ลายลงบนผ้าไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่ละวิธีถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การผลิตจำนวนมากในโรงงานอุตสาหกรรมไปจนถึงการผลิตตามสั่งเพียงชิ้นเดียว การเลือกเทคนิคที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามและความทนทานของลายสกรีน แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตและกำไรของธุรกิจอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการทำเสื้อทีม เสื้อกิจกรรม หรือเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเอง การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างรัดกุม สามารถเลือกร้านสกรีนเสื้อที่เชี่ยวชาญในเทคนิคที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งลงทุนในอุปกรณ์เพื่อผลิตเองในขนาดเล็กได้ การตัดสินใจที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความผิดพลาด ประหยัดเวลา และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้สวมใส่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ

เจาะลึก 5 เทคนิคสกรีนเสื้อยอดนิยม

เจาะลึก 5 เทคนิคสกรีนเสื้อยอดนิยม

ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการพิมพ์เสื้อผ้ามากมาย แต่มี 5 เทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษเนื่องจากความยืดหยุ่น คุณภาพ และความเหมาะสมกับงบประมาณที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. การทำบล็อกสกรีนด้วยตัวเอง (DIY Screen Printing)

การทำบล็อกสกรีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ซิลค์สกรีน” (Silkscreen) เป็นเทคนิคการพิมพ์แบบดั้งเดิมที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน หลักการคือการใช้บล็อกที่มีผ้าสกรีนขึงตึงเป็นแม่พิมพ์ แล้วปาดสีให้ทะลุผ่านผ้าสกรีนลงไปติดบนเสื้อผ้าเฉพาะส่วนที่เป็นลวดลาย

กระบวนการ: สำหรับการทำเอง (DIY) สามารถเริ่มต้นได้ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อน เช่น กรอบไม้ ผ้าสกรีน สารเคลือบไวแสง (สำหรับสร้างลาย) ยางปาดสี และสีสกรีน วิธีการคือขึงผ้าสกรีนบนกรอบให้ตึง ฉาบสารไวแสงและนำไปฉายแสงผ่านฟิล์มลายที่ออกแบบไว้ ส่วนที่ไม่โดนแสงจะสามารถล้างออกได้ กลายเป็นช่องให้สีผ่านลงไปบนเสื้อได้

การประยุกต์ใช้และความเหมาะสม: เทคนิคนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ไม่ซับซ้อน มีจำนวนสีน้อย (1-3 สี) และต้องการผลิตในจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อสร้างบล็อกเสร็จแล้วจะสามารถพิมพ์ซ้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนต่อตัวถูกลงเมื่อผลิตจำนวนมาก เหมาะสำหรับทำเสื้อทีม เสื้อกิจกรรม หรือแบรนด์ที่เน้นลายกราฟิกง่ายๆ แต่มีเอกลักษณ์

ข้อดี: สีสกรีนมีความทนทานสูง ติดแน่นกับเนื้อผ้า ให้สีที่สดและทึบ สามารถพิมพ์บนผ้าได้หลากหลายชนิดและหลากหลายสี ต้นทุนต่อตัวต่ำในการผลิตจำนวนมาก

ข้อจำกัด: มีค่าใช้จ่ายในการทำบล็อกสกรีนเริ่มต้น ซึ่งต้องทำบล็อกแยกตามจำนวนสี ทำให้ไม่เหมาะกับงานที่มีหลายสีหรือต้องการผลิตจำนวนน้อย ขั้นตอนการเตรียมบล็อกค่อนข้างซับซ้อนและใช้เวลา

2. เทคนิคการสกรีนเฟล็กซ์ (Flex Printing)

เทคนิคเฟล็กซ์เป็นการพิมพ์โดยใช้ความร้อน หรือที่เรียกว่า Heat Transfer โดยจะใช้แผ่นโพลีเฟล็กซ์ (Polyflex) ซึ่งเป็นวัสดุคล้ายสติกเกอร์มาตัดเป็นลวดลายตามที่ต้องการ จากนั้นนำไปวางบนเสื้อแล้วใช้เครื่องรีดร้อน (Heat Press) กดทับเพื่อให้ลายติดลงบนเนื้อผ้า

กระบวนการ: เริ่มจากการออกแบบลายในคอมพิวเตอร์ แล้วสั่งตัดผ่านเครื่องตัดสติกเกอร์ (Cutter Plotter) เมื่อได้ลายแล้ว จะต้องลอกส่วนที่ไม่ต้องการออก (weeding) ให้เหลือแต่ตัวลาย จากนั้นนำไปวางบนตำแหน่งที่ต้องการบนเสื้อ แล้วใช้เครื่องรีดร้อนกดทับด้วยอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม

การประยุกต์ใช้และความเหมาะสม: เหมาะสำหรับงานจำนวนน้อยถึงปานกลาง ที่มีลวดลายไม่ซับซ้อนมาก เช่น ตัวอักษร เบอร์เสื้อนักกีฬา หรือโลโก้ที่มีสีเดียวหรือแยกสีกันชัดเจน เป็นที่นิยมอย่างมากในร้านสกรีนเสื้อขนาดเล็กเพราะไม่ต้องทำบล็อก

ข้อดี: ไม่จำกัดจำนวนขั้นต่ำ ทำเพียงตัวเดียวก็ได้ สีสันสดใส คมชัด ขอบลายเรียบเนียน มีวัสดุให้เลือกหลากหลาย เช่น สีธรรมดา สีสะท้อนแสง สีเมทัลลิก หรือกำมะหยี่ มีความทนทานในการซักล้างสูง

ข้อจำกัด: ไม่เหมาะกับลายที่มีรายละเอียดเล็กๆ หรือมีความซับซ้อนสูง เพราะยากต่อการตัดและลอกออก ผิวสัมผัสของลายจะมีความหนาเหมือนแผ่นยางแปะอยู่บนเสื้อ และไม่ระบายอากาศเท่าเทคนิคอื่น

3. เทคนิค DTG (Direct to Garment)

DTG คือเทคโนโลยีการพิมพ์ระบบดิจิทัลที่เปรียบเสมือนการพิมพ์กระดาษด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท แต่เปลี่ยนจากกระดาษมาเป็นเสื้อผ้าโดยตรง เครื่องพิมพ์ DTG จะพ่นหมึกพิเศษสำหรับผ้าลงบนเสื้อโดยตรง ทำให้ได้ลายที่มีความละเอียดสูงและไม่จำกัดจำนวนสี

กระบวนการ: นำเสื้อไปวางบนแท่นพิมพ์ของเครื่อง DTG แล้วสั่งพิมพ์ลายจากคอมพิวเตอร์ได้ทันที สำหรับเสื้อสีเข้ม จะต้องมีการพ่นน้ำยารองพื้น (Pre-treatment) และพิมพ์สีขาวรองพื้นก่อน เพื่อให้สีอื่นๆ แสดงผลได้อย่างสดใส เมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว จะต้องนำเสื้อไปอบด้วยเครื่องรีดร้อนเพื่อให้หมึกแห้งและติดทน

การประยุกต์ใช้และความเหมาะสม: เป็นเทคนิคที่เหมาะที่สุดสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด หรืองานกราฟิกที่มีการไล่ระดับสี ไม่มีการจำกัดจำนวนสีและไม่มีค่าบล็อก ทำให้เหมาะสำหรับงานจำนวนน้อย หรือการผลิตตามสั่ง (Print-on-Demand)

ข้อดี: พิมพ์ได้ทุกสี ไม่จำกัดจำนวนสีในลายเดียว ให้รายละเอียดคมชัดสูงมาก เนื้อสีจะซึมลงไปในเส้นใยผ้า ทำให้สัมผัสนุ่มและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการพิมพ์บนผ้าคอตตอน (Cotton) 100%

ข้อจำกัด: ต้นทุนต่อตัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการสกรีนบล็อกในจำนวนมาก เครื่องพิมพ์และหมึกมีราคาสูง การพิมพ์บนผ้าสีเข้มมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้นทุนสูงกว่าผ้าสีอ่อน ไม่เหมาะกับผ้าโพลีเอสเตอร์

เทคนิค DTG ได้ปฏิวัติวงการสกรีนเสื้อสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ทำให้การผลิตเสื้อลายซับซ้อนในจำนวนน้อยเป็นไปได้และคุ้มค่า

4. เทคนิคซับลิเมชั่น (Sublimation)

ซับลิเมชั่นเป็นกระบวนการพิมพ์โดยใช้ความร้อนเพื่อเปลี่ยนสถานะของหมึกจากของแข็งให้กลายเป็นแก๊ส แล้วซึมเข้าไปในเส้นใยของผ้าโดยตรง โดยหมึกจะย้อมติดเป็นเนื้อเดียวกับผ้าเลย

กระบวนการ: พิมพ์ลายที่ต้องการลงบนกระดาษซับลิเมชั่นด้วยเครื่องพิมพ์และหมึกซับลิเมชั่นโดยเฉพาะ (ลายที่พิมพ์ออกมาจะเป็นภาพกลับด้าน) จากนั้นนำกระดาษไปวางบนผ้าแล้วใช้เครื่องรีดร้อนกดทับ ความร้อนสูงจะทำให้หมึกบนกระดาษระเหิดเป็นแก๊สและเข้าไปย้อมติดในเส้นใยผ้าโพลีเอสเตอร์อย่างถาวร

การประยุกต์ใช้และความเหมาะสม: เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรือผ้าใยสังเคราะห์เท่านั้น และจะได้ผลดีที่สุดบนผ้าสีอ่อนหรือสีขาว นิยมใช้ในการทำเสื้อกีฬา เสื้อวิ่ง หรือสินค้าพรีเมียมอื่นๆ ที่ต้องการลายพิมพ์เต็มตัว (All-over print)

ข้อดี: สีจะซึมลงในเนื้อผ้า ทำให้ลายพิมพ์ไม่มีความหนาเลย สัมผัสเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกับผ้าและระบายอากาศได้ 100% สีสันสดใสและมีความทนทานสูงมาก ไม่ซีดจางหรือหลุดลอก

ข้อจำกัด: ไม่สามารถพิมพ์บนผ้าคอตตอนได้ และไม่สามารถพิมพ์บนผ้าสีเข้มได้ เพราะหมึกมีลักษณะโปร่งแสง สีของผ้าจะส่งผลต่อสีของลายพิมพ์

5. เทคนิค DTF (Direct to Film)

DTF หรือ Direct to Film เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างสูง ถือเป็นลูกผสมระหว่าง DTG และการสกรีนเฟล็กซ์ โดยเป็นการพิมพ์ลายลงบนแผ่นฟิล์มพิเศษ จากนั้นนำฟิล์มนั้นมารีดร้อนลงบนเสื้อ

กระบวนการ: ใช้เครื่องพิมพ์เฉพาะทางพิมพ์ลายลงบนแผ่นฟิล์ม PET โดยจะพิมพ์สีต่างๆ ก่อนแล้วตามด้วยการพิมพ์สีขาวทับเป็นชั้นสุดท้าย จากนั้นนำฟิล์มไปโรยด้วยผงกาวชนิดพิเศษ แล้วนำไปอบให้กาวละลายเคลือบอยู่ด้านหลังของลายพิมพ์ เมื่อต้องการใช้งานก็นำแผ่นฟิล์มมาวางบนเสื้อแล้วใช้เครื่องรีดร้อนกดทับ เมื่อลอกฟิล์มออก ลายพิมพ์พร้อมกาวก็จะติดอยู่บนเสื้อ

การประยุกต์ใช้และความเหมาะสม: เทคนิค พิมพ์เสื้อ DTF มีความยืดหยุ่นสูงมาก สามารถพิมพ์ได้บนผ้าแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นคอตตอน, โพลีเอสเตอร์, ผ้าร่ม, ผ้าใบ หรือแม้กระทั่งหนัง สามารถทำได้ทั้งจำนวนน้อยและจำนวนมาก เหมาะสำหรับธุรกิจสกรีนเสื้อที่ต้องการความหลากหลายในการรับงาน

ข้อดี: พิมพ์ได้บนผ้าหลากหลายชนิด ทั้งสีอ่อนและสีเข้ม ให้สีที่สดใส คมชัด และทนทานต่อการซัก ลายพิมพ์มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย สามารถพิมพ์ลายที่ซับซ้อนและมีรายละเอียดเล็กๆ ได้ดี

ข้อจำกัด: ผิวสัมผัสของลายจะมีความหนาเล็กน้อย (แต่มักจะนุ่มกว่าเฟล็กซ์) ต้องใช้เครื่องพิมพ์และวัสดุเฉพาะทางซึ่งมีราคาสูงในตอนเริ่มต้น

ตารางเปรียบเทียบเทคนิคสกรีนเสื้อแต่ละประเภท

เพื่อให้เห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตารางด้านล่างนี้สรุปคุณสมบัติเด่นของแต่ละเทคนิคการสกรีน

ตารางเปรียบเทียบ 5 เทคนิคสกรีนเสื้อยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มต้นและธุรกิจขนาดเล็ก
คุณสมบัติ บล็อกสกรีน (DIY) เฟล็กซ์ (Flex) DTG ซับลิเมชั่น DTF
ประเภทผ้า หลากหลาย (คอตตอน, TC, TK) หลากหลาย (คอตตอน, โพลีฯ) คอตตอน 100% (ดีที่สุด) โพลีเอสเตอร์, ผ้าสีอ่อน หลากหลายมาก (ทุกชนิด)
ความซับซ้อนของลาย ต่ำ (เหมาะกับลายสีเดียว) ต่ำถึงปานกลาง สูงมาก (ภาพถ่ายได้) สูงมาก (ภาพถ่ายได้) สูงมาก (ภาพถ่ายได้)
สัมผัสบนผ้า สีมีความหนาเล็กน้อย หนาเหมือนแผ่นยาง นุ่ม ซึมในผ้า เป็นเนื้อเดียวกับผ้า มีความหนาเล็กน้อย แต่นุ่ม
ความทนทาน สูงมาก สูง ปานกลางถึงสูง สูงที่สุด สูงมาก
เหมาะกับจำนวน มาก (คุ้มค่าเมื่อผลิตเยอะ) น้อยถึงปานกลาง น้อย (1 ตัวก็ทำได้) น้อยถึงมาก น้อยถึงมาก
ข้อดีหลัก ต้นทุนต่อตัวต่ำเมื่อผลิตเยอะ เร็ว ทำง่าย สีสด รายละเอียดสูง ไม่จำกัดสี ทนทานที่สุด ระบายอากาศดี ยืดหยุ่นสูง พิมพ์ได้ทุกผ้า
ข้อเสียหลัก มีค่าบล็อก ไม่เหมาะกับงานน้อยชิ้น ลายไม่ระบายอากาศ แพงสำหรับงานจำนวนมาก พิมพ์ได้แค่ผ้าโพลีฯ สีอ่อน ต้องลงทุนเครื่องมือเฉพาะ

การวางแผนงบประมาณสำหรับธุรกิจสกรีนเสื้อ

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ในการเริ่มต้น?” คำตอบขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบของธุรกิจที่ต้องการสร้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับหลักๆ

งบประมาณเริ่มต้น 5,000 บาท

สำหรับผู้ที่มีไอเดียและแบบเสื้อที่ชัดเจนแล้ว งบประมาณระดับนี้เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นโดยใช้บริการจากร้านสกรีนเสื้อภายนอก งบประมาณ 5,000 บาทสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการสั่งผลิตเสื้อล็อตแรก (ประมาณ 20-50 ตัว ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของลายและคุณภาพเสื้อ) โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรเอง วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงและทำให้สามารถทดลองตลาดได้ก่อน

สิ่งที่ควรทำ: ค้นหาร้านสกรีนเสื้อที่มีเทคนิคที่เหมาะสมกับงานออกแบบ (เช่น หากลายมีหลายสี อาจเลือกร้านที่รับทำ DTF หรือ DTG) พูดคุยเรื่องราคาต่อตัวเมื่อสั่งผลิตตามจำนวนที่ต้องการ และคำนวณต้นทุนเพื่อตั้งราคาขาย

งบประมาณเริ่มต้น 10,000 บาทขึ้นไป

งบประมาณระดับนี้เปิดโอกาสให้สามารถสร้างแบรนด์ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยอาจครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการออกแบบโลโก้หรือลายเสื้อโดยนักออกแบบมืออาชีพ การผลิตเสื้อล็อตแรกในจำนวนที่มากขึ้นเพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย หรือแม้กระทั่งการลงทุนในอุปกรณ์พื้นฐานบางอย่าง เช่น เครื่องรีดร้อน และเครื่องตัดสติกเกอร์สำหรับเทคนิคเฟล็กซ์ เพื่อให้สามารถควบคุมการผลิตชิ้นงานขนาดเล็กได้ด้วยตนเอง

สิ่งที่ควรทำ: วางแผนธุรกิจอย่างละเอียด กำหนดกลุ่มเป้าหมายและเอกลักษณ์ของแบรนด์ จัดสรรงบประมาณสำหรับค่าออกแบบ, ค่าผลิต, และค่าการตลาดเบื้องต้น การมีงบประมาณที่สูงขึ้นทำให้มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัสดุและเทคนิคการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้

บทสรุป และแนวทางการเลือกเทคนิคที่ใช่

การทำเสื้อทีมหรือการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากหรือต้องใช้งบประมาณมหาศาลอีกต่อไป ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การสกรีนบล็อกแบบดั้งเดิมไปจนถึงระบบดิจิทัลอย่าง DTG และ DTF ทำให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพได้ตามความต้องการและข้อจำกัดของตนเอง

หัวใจสำคัญคือการทำความเข้าใจในเป้าหมายของโครงการอย่างชัดเจน: ต้องการทำเสื้อสำหรับใคร, ลวดลายมีความซับซ้อนเพียงใด, จะใช้กับผ้าประเภทไหน, และต้องการผลิตกี่ตัว การตอบคำถามเหล่านี้จะนำไปสู่การเลือกเทคนิคสกรีนเสื้อที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะช่วยควบคุมต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจ การเริ่มต้นจากความเข้าใจที่ถูกต้อง คือก้าวแรกที่มั่นคงสู่การเป็นเจ้าของเสื้อทีมหรือแบรนด์เสื้อผ้าที่ประสบความสำเร็จ

สั่งเสื้อ

ตุลาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031