โดยปกติแล้ว เรามักจะคุ้นกับการวิ่งแบบใส่รองเท้าวิ่งมากกว่าการวิ่งด้วยเท้าเปล่า การวิ่งเท้าเปล่าในปัจจุบันมีความนิยมในวงกว้างมากขึ้น แต่สำหรับบางคนยังคงเป็นการวิ่งที่ดูอันตรายต่อเท้าและรู้สึกว่าอาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย
วันนี้เราจึงขอนำเกล็ดความรู้เกี่ยวกับ การวิ่งด้วยเท้าเปล่า รวมทั้งข้อดีและข้อเสียมาฝากทุกคนกันค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง วิ่งเท้าเปล่า และการสวมรองเท้าวิ่ง
หากพูดถึงความแตกต่างระหว่างการวิ่งด้วยเท้าเปล่าและการใส่รองเท้าวิ่งนั้น ทั้งสองแบบล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันไป
การวิ่งด้วยเท้าเปล่านั้นเป็นเหมือนการบังคับให้เราวิ่งลงน้ำหนักที่ปลายเท้าและกลางเท้ามากกว่าการใส่รองเท้าวิ่ง เพราะวิ่งเท้าเปล่าไม่มีพื้นรองเท้ารองรับแรงกระแทก ช่วยให้เวลาวิ่งไม่ก้าวเท้ายาวจนเกินไป (Over-stride) หรือ วิ่งลงน้ำหนักที่ส้นเท้า ที่มักจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บที่มากกว่า
หากคนที่ปกติวิ่งลงน้ำหนักที่ส้นเท้า เมื่อฝึกวิ่งเท้าเปล่าจะทำให้ร่างกายเรียนรู้และค่อยๆ ปรับเป็นการลงน้ำหนักปลายเท้าและกลางเท้ามากขึ้น
แต่การวิ่งด้วยเท้าเปล่านั้นมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บได้ง่ายกว่า เนื่องจากฝ่าเท้าจะมีการสัมผัสบนพื้นผิวโดยตรง อาจได้รับบาดเจ็บจากเศษหิน เศษแก้วบนพื้นได้ง่าย และเนื่องจากวิ่งด้วยเท้าเปล่าไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ในการรองรับแรงกระแทก โดยส่วนมากนักวิ่งที่ฝึกวิ่งเท้าเปล่านั้นจะได้รับบาดเจ็บที่น่องและเอ็นร้อยหวายได้ง่ายกว่า
ข้อดีของการวิ่งด้วยเท้าเปล่า
- ช่วยให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าวิ่งเท้าเปล่าจะทำให้เกิดการกระแทกมากกว่าการสวมใส่รองเท้า แต่การฝึกฝนเป็นประจำ จะส่งผลทำให้กล้ามเนื้อเท้ามีการพัฒนาและแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยปรับรูปแบบการลงน้ำหนักเท้าได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
- ช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง วิ่งเท้าเปล่ามีส่วนช่วยพัฒนากล้ามเนื้อฝ่าเท้าของนักวิ่งให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ช่วยลดอาการบาดเจ็บเรื้อรังได้ เช่น กรณีที่มีอาการเจ็บที่บริเวณด้านนอกเหนือหัวเข่า (ITB) ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับข้อเข่า
- ช่วยประหยัดพลังงานในการวิ่งได้มากขึ้น เพราะการวิ่งด้วยเท้าเปล่าจะทำให้เกิดการใช้ฝ่าเท้ารวมทั้งกล้ามเนื้อน่องสำหรับการดีดตัวได้ดีกว่า ไม่ต้องสูญเสียพลังงานในการลงน้ำหนักและการถีบตัวออกจากพื้นรองเท้าเหมือนการวิ่งด้วยการใส่รองเท้าวิ่งทั่วไป ส่งผลทำให้ร่างกายไม่รู้สึกเหนื่อยง่าย และยังช่วยให้สามารถวิ่งได้ในระยะยาวและนานขึ้น
- ช่วยให้เท้ารู้สึกสบาย ไม่อึดอัด เพราะการที่วิ่งด้วยเท้าเปล่าจะช่วยให้เท้ารู้สึกโล่งเพราะไม่มีสิ่งใดมาห่อหุ้มเท้าเอาไว้ ดังนั้น การที่เท้ารู้สึกโปร่งสบายจะทำให้การวิ่งมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น
ข้อเสียของการวิ่งด้วยเท้าเปล่า
- มีโอกาสเกิดอาการบาดเจ็บสูง เพราะการวิ่งด้วยเท้าเปล่าทำให้เท้าได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกระหว่างพื้นผิวที่มีความแข็งมากเกินไป ส่งผลทำให้อวัยวะในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับผลกระทบตามไปด้วย และที่สำคัญอาจทำให้ฝ่าเท้ามีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการเหยียบเศษหิน กรวด ทราย และของแข็งอื่นๆ ที่ปะปนอยู่บนพื้นได้ ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
- มีอาการปวดกล้ามเนื้อได้ง่าย เพราะการเกร็งขาในขณะที่กำลังวิ่งที่มากจนเกินไปจะส่งผลทำให้เกิดอาการปวดที่น่อง
- ส่วนการวิ่งบนพื้นที่มีความร้อนในระยะเวลาที่นานก็จะส่งผลทำให้ฝ่าเท้าเกิดอาการอักเสบและเป็นแผลพุพองได้
การวิ่งด้วยเท้าเปล่าสามารถป้องกันอันตรายจากเศษหินและของแข็งต่างๆ บนพื้นได้ด้วย การใส่รองเท้าวิ่งแบบเท้าเปล่า (Barefoot Running Shoes) ซึ่งมีลักษณะเป็นยางนิ่ม ห่อหุ้มกระชับพอดีกับรูปเท้า มีพื้นยางหนาเล็กน้อยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บนั่นเองค่ะ
ฝึกการวิ่งเท้าเปล่า เริ่มต้นอย่างไรดี
- ฝึกเดินด้วยเท้าเปล่าในช่วงเวลาอยู่บ้าน เพราะบางคนนิยมสวมใส่รองเท้าในบ้าน และช่วงที่ออกนอกบ้าน แนะนำให้สวมรองเท้าแบบพื้นแบน ไม่มีซัพพอร์ต (Minimalist Shoes)
- ควรหมั่นฝึกร่างกาย โดยเฉพาะช่วงล่างและแกนกลางลำตัวให้มีความแข็งแรง เช่น การฝึกเวท ในท่า Piston Squat หรือท่ากระโดดขึ้นบันได
- หมั่นฝึกวิ่งด้วยเท้าเปล่าบนพื้นเรียบและสะอาด ซึ่งในช่วงที่วอร์มอัพร่างกาย แนะนำให้ใช้ท่าที่ใช้เท้าเปล่ามาใช้ร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับร่างกายให้สามารถวิ่งด้วยท่าที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
การวิ่งด้วยเท้าเปล่า จำเป็นต้องอาศัยความอดทนในการฝึกมากเป็นพิเศษ เนื่องจากการวิ่งด้วยเท้าเปล่ามีการใช้กล้ามเนื้อมากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของน่องและกล้ามเนื้อเท้า หากฝึกวิ่งหนักจนเกินไป อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่น่อง และเอ็นร้อยหวายได้ ทางที่ดีควรค่อยๆ ฝึกวิ่ง ค่อยๆ เทรนกล้ามเนื้อ จนกว่าร่างกายคุ้นชิน จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มระยะทางในการวิ่งที่ยาวนานมากขึ้นตามลำดับ
สำหรับใครที่สนใจอยากลองเปลี่ยนจากการใส่รองเท้าวิ่งมาเป็นการวิ่งด้วยเท้าเปล่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเตรียมตัวและการหมั่นฝึกฝนก่อนที่จะลงสนามจริง เพราะการฝึกฝนจะช่วยให้ลดโอกาสในการบาดเจ็บ ทำให้เรามีความสุขกับการออกกำลังกาย และมีสุขภาพที่แข็งแรงไปด้วยนั่นเองค่ะ
ที่มา: fitmesport.com