ภาพวาดหลายสิบชิ้นที่ไมเคิลแองเจโลวาดขึ้นขณะวางแผนสร้างเพดานของโบสถ์ซิสตินจะถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Muscarelle หลังจากที่พิพิธภัณฑ์ Williamsburg รัฐเวอร์จิเนียประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในด้านการสร้างเครือข่ายและการขนส่ง ก่อนที่ปรมาจารย์แห่งยุคเรอเนสซองส์ผู้นี้จะฉลองครบรอบ 550 ปีของเขา
Adriano Marinazzo ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นสถาปนิกและผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลป์ของไมเคิลแองเจโล ได้จัดงานแสดงที่มอบโอกาสพิเศษอย่างยิ่งในการชมภาพวาด 25 ภาพที่ใช้ในการวางแผนบนเพดานที่โด่งดังและภาพเฟรสโกอีกภาพในโบสถ์ซิสตินที่รู้จักกันในชื่อ The Last Judgment
จากภาพวาดเหล่านั้น มี 7 ชิ้นที่ไม่เคยเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และส่วนใหญ่ไม่เคยจัดแสดงร่วมกัน โดยรวมแล้ว มีวัตถุประมาณ 38 ชิ้นที่จัดแสดง รวมถึงภาพเหมือนที่มีชื่อเสียงของไมเคิลแองเจโลในช่วงระหว่างผลงานการวาดภาพเพดานและภาพ The Last Judgment ของ Giuliano Bugiardini จิตรกรร่วมสมัยของเขา
“สิ่งที่เขาทำไปน่าจะเป็นอย่างนั้น และนี่เป็นกระบวนการแบบจิตรกรรมฝาผนังทั่ว ๆ ไป นั่นก็คือ การวาดภาพขนาดใหญ่ นำไปติดบนเพดาน และเจาะรูตามจุดต่างๆ ของภาพวาด” เดวิด บราเชียร์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์กล่าวในการสนทนาทางวิดีโอ
ภาพจาก: visitvatican.info
“การ์ตูน” เหล่านั้นทั้งหมดอาจถูกทำลายไปแล้วตั้งแต่ตอนที่นำมาใช้งาน ก่อนที่จะมีการ์ตูนเหล่านั้น เขาน่าจะวาดภาพจำลองขนาดเล็กหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันภาพเพื่อจัดวางองค์ประกอบภาพ
“เขาทำลายพวกมันเกือบทั้งหมดก่อนจะตายเพราะว่าเขารู้สึกป่วย เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย เขาไม่เคยสร้างพวกมันขึ้นมาเพื่อจัดแสดงต่อสาธารณะ” มารินาซโซกล่าว “ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 50 ตัว และเรามีเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้น และอีก 4 ตัวอยู่ในระหว่างเตรียมการสำหรับการพิพากษาครั้งสุดท้าย”
Brashear กล่าวว่าภาพวาดที่เหลือส่วนใหญ่ได้รับการเก็บรักษาโดยหลานชายของ Michelangelo ถูกขังอยู่ในกล่องมืดและได้รับอนุญาตจากทางการอิตาลีให้ย้ายออกไปได้เพียง 12 สัปดาห์ทุกๆ สองสามปีเท่านั้น ดังนั้น Marinazzo จึงประสานงานกับสถาบันและทางการอิตาลีอย่างพิถีพิถันเพื่อให้แน่ใจว่าภาพวาดจะพร้อมให้เข้าชมและจะไม่รับปากกับพิพิธภัณฑ์อื่น
Brashear ระบุว่าภาพวาดชิ้นหนึ่งที่ Marinazzo ต้องการนั้นไม่สามารถยืมมาแสดงได้ เนื่องจากได้มีคำมั่นสัญญาไว้กับพิพิธภัณฑ์อังกฤษแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาชื่นชมการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพของ Marinazzo ในการจัดหาตัวอย่างที่โดดเด่นสำหรับพิพิธภัณฑ์วิทยาลัยวิลเลียมแอนด์แมรี
ภาพจาก: www.lonelyplanet.com
ก่อนหน้านี้ในอาชีพการงานของเขา ภัณฑารักษ์ชาวอิตาลีคนนี้เคยทำงานกับ Casa Buonarroti ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับ Michelangelo ในบ้านที่เขาซื้อให้ครอบครัวเมื่อเขาประสบความสำเร็จ มารินาซโซได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับปินา ราจิโอนิเอรี อดีตผู้อำนวยการของ Casa Buonarroti
“คุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถให้คำมั่นกับผู้ให้ยืมได้ว่าพิพิธภัณฑ์จะปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเมื่อคุณมีพวกเขาอยู่ในความดูแลของคุณ” Brashear กล่าว “จากนั้นแน่นอนว่าพวกเขาจะเดินทางพร้อมกับคนส่งของและได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอดทาง เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แตกต่างจากการรวบรวมและจัดนิทรรศการภาพวาดของเซซานน์อย่างมาก”
Brashear กล่าวเสริมว่านิทรรศการนี้จะรวมถึงการสร้างฉากต่างๆ จากเพดานของโบสถ์ซิสตินขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Muscarelle กับพิพิธภัณฑ์วาติกัน “เราไม่ได้รับภาพวาดใดๆ จากพวกเขา” เขากล่าว “แต่เราได้รับไฟล์ภาพที่มีรายละเอียดสูงสุดเท่าที่เราจะได้รับอนุญาตให้ใช้ในนิทรรศการได้”
“นั่นคือจุดที่มันจะทรงพลังสำหรับผู้ชมจริงๆ” Brashear กล่าวเสริม “เหมือนกับว่า ‘นี่คือหัวของรูปปั้นหนึ่งในจิตรกรรมฝาผนังบนเพดานของโบสถ์ซิสติน’ และ ‘นี่คือรูปลักษณ์สุดท้ายที่ Michelangelo วาดไว้บนเพดาน’”
ภาพจาก: colosseumandvaticantours.com
Marinazzo กล่าวว่าแนวคิดในการจัดนิทรรศการครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 2012 ขณะที่เขาทำงานในคลังเอกสารเก่าๆ ของ Casa Buonarotti ขณะที่เขาอ่านจดหมายของ Michelangelo เขาสังเกตเห็นบทกวีที่มีภาพร่างอยู่ข้างใต้ ซึ่งศิลปินน่าจะส่งไปให้ Giovanni da Pistoia เพื่อนของเขา
“ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เข้าใจว่าเนื่องจากฉันเป็นสถาปนิก ภาพร่างเล็กๆ นี้เป็นตัวแทนของเพดาน” เขากล่าว “ในที่สุด ฉันก็คิดที่จะรวบรวม ‘Michelangelo’ และ ‘เพดาน’ เข้าด้วยกัน และตระหนักว่ามันอาจเป็นภาพร่างของโบสถ์ซิสติน”
ผู้เชี่ยวชาญถือว่านี่อาจเป็นภาพวาดชิ้นแรกที่ Michelangelo วาดขึ้นสำหรับโครงการนี้ โซเน็ตที่มีชื่อเสียงอีกชิ้นหนึ่งในนิทรรศการ ซึ่งน่าจะส่งไปให้จิโอวานนี ดา ปิสโตยาเช่นกัน ประกอบด้วยภาพเหมือนตนเองของ Michelangelo ที่กำลังวาดภาพบนเพดาน การแสดงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่โซเน็ตสองชิ้นนี้ซึ่งมีภาพร่างเกี่ยวกับเพดานซิสตินมาจัดแสดงด้วยกัน
นิทรรศการนี้จัดแสดงภาพวาดอัครสาวก 2 รูปที่ “นักวิชาการเกือบลืมไปแล้ว” แต่กลับมีความสำคัญเพราะสุดท้ายแล้วไม่ได้นำมาใช้บนเพดาน เมื่อสมเด็จพระสันตปาปาจูเลียสที่ 2 ทรงมอบหมายให้ Michelangelo ออกแบบเพดาน พระองค์จึงทรงขอให้ Michelangelo วาดภาพอัครสาวก 12 องค์เหนือเพดาน Michelangelo เริ่มต้นวาดภาพร่าง แต่สุดท้ายก็บอกกับสมเด็จพระสันตปาปาว่าพระองค์ไม่ต้องการวาดแค่อัครสาวกเท่านั้น และภาพเหล่านั้นก็ถูกยกเลิกไป
ภาพจาก: flavorofitaly.com
นอกจากนี้ มารินาซโซยังบรรยายด้วยว่าการจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าวนำไปสู่การค้นพบใหม่เกี่ยวกับภาพวาดดังกล่าวโดยตรง นักวิชาการเคยคิดว่าภาพร่างขนาดเล็กสองภาพบนกระดาษสองแผ่นที่ต่างกันน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของกระดาษแผ่นเดียวกัน
“แต่เราไม่มีหลักฐานใดๆ” เขากล่าว ก่อนที่ภาพวาดอันทรงคุณค่าเหล่านี้จะถูกส่งออกไป ช่างบูรณะจะตรวจสอบสภาพของภาพวาดเหล่านั้น จากนั้นจึงประกอบภาพวาดเหล่านั้นเข้าด้วยกันและค้นหาแนวเชื่อมระหว่างภาพวาดเหล่านั้น “ดังนั้น เราจึงได้เผยแพร่ภาพวาดเหล่านี้ด้วย ภาพวาดเหล่านี้จะถูกใส่กรอบและจัดแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรกในนิทรรศการ”
Marinazzo กล่าวว่านิทรรศการนี้จัดแสดงผ่านแกลเลอรีหลายแห่ง สามแห่งแรกจัดแสดงบนเพดาน ส่วนแห่งที่สี่จัดแสดงบนเพดาน ส่วนนิทรรศการนี้จัดแสดงผลงานของ Marinazzo ที่นำเสนอผลงานของไมเคิลแองเจโลต่อสาธารณชน
หัวข้อหนึ่งคือความสัมพันธ์ระหว่างผลงานประติมากรรมของศิลปินที่จัดแสดงบนหลุมฝังศพของจูเลียสที่ 2 และภาพวาดบนเพดานของโบสถ์ซิสติน สำหรับนิทรรศการครั้งนี้ มารินาซโซได้เตรียมภาพจำลอง 3 มิติของสิ่งที่เขาเชื่อว่าหลุมฝังศพจะมีลักษณะเป็นอย่างไรหากเสร็จสมบูรณ์
ภาพจาก: www.wsj.com
เขาโต้แย้งว่าเพดานของโบสถ์น้อยซิสตินนั้นมีความเกี่ยวพันกับการสร้างหลุมฝังศพโดยเนื้อแท้ ซึ่งรวมถึงการออกแบบเชิงศิลปะด้วย ในปี ค.ศ. 1505 มิเกลันเจโลเดินทางไปกรุงโรม สมเด็จพระสันตปาปาจูเลียสที่ 2 ทรงขอให้มิเกลันเจโลสร้างหลุมฝังศพขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้น 40 รูป แม้ว่าภาพวาดต้นฉบับจะสูญหายไป แต่การออกแบบในเบื้องต้นก็ยังคงได้รับการบรรยายไว้
มิเกลันเจโลเดินทางไปที่เมืองคาร์ราราเพื่อรวบรวมหินอ่อนสำหรับโครงการนี้ และเดินทางกลับกรุงโรมเพื่อขอเงินทุนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระสันตปาปาจูเลียสที่ 2 ทรงเปลี่ยนความสนใจไปที่การสร้างโบสถ์เซนต์ปีเตอร์แห่งใหม่ และไม่สนใจที่จะสร้างสุสานให้เสร็จอีกต่อไป
มิเกลันเจโลรู้สึกไม่พอใจและเดินทางกลับไปฟลอเรนซ์ พระสันตปาปาจึงส่งทูตไปชักชวนให้มิเกลันเจโลเดินทางกลับโรม โดยเน้นย้ำว่าทักษะของเขาเป็นสิ่งที่จำเป็น ในตอนแรก มิเกลันเจโลปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็ยอมทำตามหลังจากถูกกดดันเพิ่มเติมจากผู้ปกครองฟลอเรนซ์ ซึ่งไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งกับโรม
ในที่สุด มิเกลันเจโลก็ได้พบกับจูเลียสในเมืองโบโลญญา ซึ่งพวกเขาตกลงกันว่าเขาจะกลับไปทำงานที่สุสานอีกครั้งและรับงานสร้างเพดานซิสตินใหม่ สุสานตามแบบที่ออกแบบไว้ในตอนแรกนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่นั่นก็ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขา
พิพิธภัณฑ์สำหรับการจัดแสเงงานของ Michelangelo ภาพจาก: www.aiava.org
“หากคุณอ่านคำอธิบายเกี่ยวกับหลุมศพของวาซารี นักเขียนชีวประวัติและศิลปินร่วมสมัยของ Michelangelo คุณจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่วาดไว้บนเพดาน” เขากล่าว “ดังนั้น ฉันจึงสร้างโครงสร้าง 3 มิติขึ้นมาใหม่ทับสถาปัตยกรรม และใช้องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้ร่วมกับคำอธิบายของวาซารี เพื่อสร้างหลุมศพที่ไม่เคยสร้างขึ้นมาก่อนขึ้นมาใหม่”
การแสดงนี้ยังรวมถึงการติดตั้งชื่อว่า This Is Not My Art ที่สร้างโดยภัณฑารักษ์ เพื่อให้เข้ากับการแสดงอีกด้วยบันทึกที่ Michelangelo เขียนไว้เมื่อปี ค.ศ. 1508 เมื่อเขาย้ายจากฟลอเรนซ์ไปโรมเพื่อเริ่มงานเพดานก็ปรากฏอยู่ด้วย และพิพิธภัณฑ์ยังได้รับจดหมายที่มีชื่อเสียงจากเพื่อนของ Michelangelo ฟรานเชสโก กรานัชชี ซึ่งไม่เคยจัดแสดงมาก่อน ในจดหมายนั้น กรานัชชีบ่นเกี่ยวกับความยุ่งยากในการหาผู้ช่วยมาช่วยทาสีเพดาน
Brashear กล่าวว่าเนื่องจากนิทรรศการนี้มีความสำคัญ พิพิธภัณฑ์จึงประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อวางแผนรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก โชคดีที่เมืองได้เตรียมความพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวไว้แล้วเนื่องจากมีอาคารประวัติศาสตร์ Colonial Williamsburg
“เมื่อก่อนนี้ เมื่อจัดนิทรรศการผลงานของศิลปินระดับปรมาจารย์ชาวอิตาลี เราได้แบ่งการจัดแสดงกับ MFA Boston ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเรามาก เราจัดงานนิทรรศการร่วมกัน จากนั้นพวกเขาก็ซื้อและลงทุนและใช้เวลาครึ่งหนึ่งของ 12 สัปดาห์นั้น” Brashear กล่าว “เมื่อพิพิธภัณฑ์ของเราเปิดทำการอีกครั้ง เราต้องการเป็นสถานที่จัดงานเพียงแห่งเดียวและจัดงานนี้เป็นเวลา 12 สัปดาห์เต็ม”
ที่มา news.artnet.com