การเกิดภูมิแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance) จะเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารและลำไส้มากกว่าระบบภูมิคุ้มกัน การเกิดภูมิแพ้อาหารแบบแฝงจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การแพ้แลคโตส การแพ้กลูเตน การแพ้น้ำตาล เป็นต้น และจะไม่แสดงอาการในทันทีและไม่มีความรุนแรง แต่จะค่อยๆ แสดงอาการหรือเป็นอาการเรื้อรังเป็นๆ หายๆ อาการดังต่อไปนี้จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น
- ระบบผิวหนัง สิวอักเสบเรื้อรัง ผิวแห้ง ปากแตก ติดเชื้อราเป็นๆ หายๆ เช่น กลาก เกลื้อน มีผื่นคัน หรือโรคสะเก็ดเงิน ลมพิษ ผิวมีรอยจ้ำ บวมน้ำ
- ระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม คัดจมูก แสบจมูก น้ำมูกไหล ไซนัสอักเสบ หอบหืด
- ระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ท้องร่วง จุกเสียดท้อง ลำไส้แปรปรวน ลำไส้ระคายเคือง (IBS) ลำไส้อักเสบ (Crohn’s disease)
- ระบบกระดูกและข้อต่อ ปวดข้อ เข่าหรือบริเวณข้อต่ออักเสบ มีอาการปวดร้าวเรื้อรัง
- ระบบประสาทและสมอง ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดไมเกรน โรคซึมเศร้า เบลอ สมาธิสั้น เหน็บชาปลายมือ ขา หลังมื้ออาหาร นอนไม่หลับ
- อาการอื่นๆ เช่น ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน ปวดเมื่อยตัว ตะคริว ตาแดง ปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง เรอเปรี้ยว ผายลมมีกลิ่นคล้ายไข่เน่า เหงื่อออกอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
โดยภูมิแพ้ที่เกิดจากอาหารแบบแฝงอาจจะยังคงภาวะอาการเรื้อรังและไม่รุนแรง แต่ถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษา ปล่อยไว้ในระยะยาวก็ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ที่จะทำให้คุณมีสุขภาพที่มีลักษณะที่เจ็บป่วยบ่อย สุขภาพดูไม่แข็งแรงและไม่สดชื่นเท่าที่ควรจะเป็น
เรียนรู้ 5 วิธีดูแล ก่อนเกิดภาวะภูมิแพ้อาหารแฝง
1. ดูแลสุขภาพระบบลำไส้
โดยการหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น อาหารประเภท Fast Food หรือ Junk Food ร่วมกับการให้ระบบย่อยอาหารและสำไส้ได้หยุดพักเป็นระยะหรือการฝึกกินแบบ Intermittent Fasting หรือ Prolonged Fasting
2. การปรับสมดุลของเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดี
ภายในระบบย่อยอาหารและลำไส้ เพราะ 70% ของภูมิคุ้มกันร่างกายอยู่ที่ “ลำไส้” ถ้าคุณมีสุขภาพลำไส้ที่ดีเท่ากับว่า คุณมีชีวิตที่ดีไปกว่าครึ่งที่จะไม่ต้องเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง รวมถึงภูมิแพ้อาหารด้วย เริ่มการสร้างภูมิคุ้มกันที่สำคัญนี้ได้จากการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยเส้นใยจากผัก ผลไม้ และวัตถุดิบอาหารธรรมชาติปรุงเอง ช่น พืชใบเขียว ธัญพืชหรือถั่วเปลือกแข็ง (ที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ GMO) กล้วย หัวหอมใหญ่ กระเทียม เป็นต้น ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเป็นอาหารให้เหล่าพันธมิตรเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้คุณ จะช่วยฟื้นฟูอาการแพ้อาหารผ่านกลไกอันซับซ้อน
3. การเกิดภูมิแพ้ที่เกิดจากอาหารแบบแฝง (Food Intolerance)
จะเกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารและลำไส้มากกว่าระบบภูมิคุ้มกัน จะไม่แสดงอาการในทันทีและไม่มีความรุนแรง จะเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การแพ้แลคโตส การแพ้กลูเตน การแพ้น้ำตาล เป็นต้น
4. ระวังสารพิษสารโลหะหนักหรือเชื้อโรคที่ปนเปื้อน
ที่มากับอาหารรวมถึงความเสี่ยงต่อการอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เกิดมลพิษหรือมีสารเคมีปนเปื้อน หากเลี่ยงไม่ได้คุณต้องป้องกันตนเองให้ดีที่สุดที่ลดการสัมผัส สูดดม หรือการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน
5. ตรวจภูมิแพ้ที่เกิดจากอาหารแบบแฝง ร่วมกับการตรวจประเมินสุขภาพประจำปี
เพื่อประเมินหาสาเหตุอาการและแนวทางการป้องกัน เพื่อการดูแลสุขภาพและวางแผนการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมและลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพได้
นอกจากเราจะรู้วิธีหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้แล้ว สิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างเลยก็คือ การดูแลสุขภาพตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ยังคงเป็นแนวทางที่สามารถทำให้คุณลดความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้อาหารที่อาจจะก่ออาการที่รุนแรงรวมถึงปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ ได้
ที่มา: pathlab.co.th