Shopping cart

ปักหมุด! เทศกาลเดือนตุลาคม 2568 ทั่วไทย มีงานอะไรบ้าง?

สารบัญ

เดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาพิเศษของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงามมากมาย เป็นเดือนที่สิ้นสุดเทศกาลเข้าพรรษาและเริ่มต้นฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือสำหรับผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลว่า “ปักหมุด! เทศกาลเดือนตุลาคม 2568 ทั่วไทย มีงานอะไรบ้าง?” เพื่อวางแผนการเดินทางและสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ไฮไลท์เทศกาลที่ไม่ควรพลาดในเดือนตุลาคม

  • เทศกาลออกพรรษา: เป็นหัวใจหลักของงานประเพณีส่วนใหญ่ในเดือนนี้ ซึ่งนำไปสู่กิจกรรมอันหลากหลายทั่วประเทศ เช่น ตักบาตรเทโว ไหลเรือไฟ และบั้งไฟพญานาค สะท้อนถึงความศรัทธาทางพุทธศาสนาที่ฝังรากลึกในสังคมไทย
  • ความหลากหลายทางวัฒนธรรม: แต่ละภูมิภาคมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการเฉลิมฉลอง ตั้งแต่ประเพณีรับบัวที่อ่อนช้อยในภาคกลาง ประเพณีไหลเรือไฟที่ยิ่งใหญ่ตระการตาในภาคอีสาน ไปจนถึงประเพณีชักพระที่คึกคักในภาคใต้
  • เทศกาลกินเจ: แม้จะเริ่มต้นในปลายเดือนกันยายน แต่ช่วงเวลาสำคัญมักจะคาบเกี่ยวมาถึงต้นเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเทศกาลที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทย-จีนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างภูเก็ตและเยาวราช กรุงเทพฯ
  • การเริ่มต้นฤดูท่องเที่ยว: เดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ฝนเริ่มซาลง อากาศเย็นสบายขึ้น ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทั่วประเทศ

บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของแต่ละเทศกาล เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเดินทางและทำความเข้าใจเบื้องหลังของงานประเพณีไทยอันทรงคุณค่าในช่วงเดือนตุลาคม 2568 โดยครอบคลุมตั้งแต่วันออกพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ไปจนถึงเทศกาลกินเจที่สะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของไทย

การทำความเข้าใจถึงความสำคัญและกำหนดการของเทศกาลเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การวางแผนเที่ยวเดือนตุลาคมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสกับแก่นแท้ของวิถีชีวิต ความเชื่อ และความศรัทธาของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากและน่าจดจำ

ตุลาคม: เดือนแห่งการเปลี่ยนผ่านและงานเฉลิมฉลอง

เดือนตุลาคมมีความสำคัญในปฏิทินไทยในฐานะเดือนแห่งการเปลี่ยนผ่านหลายมิติ ทั้งในด้านฤดูกาล ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นช่วงเวลาที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มอ่อนกำลังลง นำมาซึ่งการสิ้นสุดของฤดูฝนที่ยาวนาน และการเริ่มต้นของลมหนาวที่พัดพาความเย็นสบายเข้ามาแทนที่ ทำให้บรรยากาศโดยรวมเหมาะแก่การเดินทางและการจัดกิจกรรมกลางแจ้ง

ในมิติทางศาสนา วันออกพรรษา ซึ่งโดยปกติจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) ถือเป็นจุดสิ้นสุดของการจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือนของพระภิกษุสงฆ์ พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศจึงจัดกิจกรรมทำบุญและเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ก่อให้เกิดประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่เชื่อมโยงกับวันสำคัญนี้ นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้เห็นภาพความศรัทธาอันงดงามเหล่านี้ ซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น

ภาพรวมเทศกาลสำคัญตลอดเดือนตุลาคม 2568

เพื่อให้นักเดินทางสามารถวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจภาพรวมของเทศกาลต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ ตารางด้านล่างนี้สรุปเทศกาลและประเพณีเด่นที่คาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2568 ทั่วประเทศไทย

ตารางสรุปเทศกาลและประเพณีสำคัญในเดือนตุลาคม 2568 ทั่วประเทศไทย
เทศกาล/ประเพณี จังหวัดเด่น ช่วงเวลา (โดยประมาณ) ลักษณะเด่น
เทศกาลกินเจ ภูเก็ต, กรุงเทพฯ (เยาวราช), ตรัง 22 ก.ย. – 1 ต.ค. 2568 การถือศีลกินผัก พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ขบวนแห่เทพเจ้า และอาหารเจหลากหลาย
ประเพณีรับบัว สมุทรปราการ (บางพลี) ต้นเดือนตุลาคม (ก่อนออกพรรษา) ขบวนเรือแห่หลวงพ่อโตทางน้ำ และการโยนบัวแสดงความเคารพ
วันออกพรรษา ทั่วประเทศ ประมาณวันที่ 6 ตุลาคม 2568 การทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และการเฉลิมฉลองสิ้นสุดการจำพรรษา
ประเพณีตักบาตรเทโว อุทัยธานี, กรุงเทพฯ, สระบุรี หลังวันออกพรรษา 1 วัน ขบวนพระสงฆ์เดินลงจากยอดเขาหรือที่สูงเพื่อรับบิณฑบาต
ประเพณีไหลเรือไฟ นครพนม, สกลนคร ช่วงวันออกพรรษา การประกวดเรือไฟที่ประดับตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาบนแม่น้ำโขง
ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค หนองคาย, บึงกาฬ คืนวันออกพรรษา ลูกไฟปริศนาพวยพุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง เป็นปรากฏการณ์ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้
ประเพณีชักพระ / ลากพระ สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา หลังวันออกพรรษา การอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกและแห่แหนไปรอบเมือง

เจาะลึกประเพณีเนื่องในวันออกพรรษา

วันออกพรรษาเป็นศูนย์กลางของงานประเพณีไทยจำนวนมากในเดือนตุลาคม กิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นล้วนมีรากฐานมาจากพุทธประวัติและความเชื่อท้องถิ่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

วันออกพรรษาและตักบาตรเทโว: สัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดพรรษา

วันออกพรรษา หรือ “วันมหาปวารณา” เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์สามารถออกจากวัดเพื่อเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในที่ต่างๆ ได้หลังจากจำพรรษาครบ 3 เดือน พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันทำบุญครั้งใหญ่ที่วัดในตอนเช้า และในตอนกลางคืนบางพื้นที่จะมีการจัดประเพณี “ตักบาตรเทโว” ซึ่งย่อมาจาก “เทโวโรหณะ” หมายถึงการเสด็จลงจากเทวโลกของพระพุทธเจ้า

ตามพุทธประวัติ หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ครบ 3 เดือน ก็ได้เสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ในวันออกพรรษา ประเพณีตักบาตรเทโวจึงเป็นการจำลองเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพระสงฆ์จะเดินลงมาจากสถานที่สูง เช่น ยอดเขา หรือพระอุโบสถบนเนิน เพื่อรับบิณฑบาตจากประชาชนที่รออยู่เบื้องล่าง สถานที่จัดงานตักบาตรเทโวที่มีชื่อเสียงที่สุดคือที่ วัดสังกัสรัตนคีรี จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีบันไดทอดยาวจากยอดเขาสะแกกรังลงมา ทำให้เกิดภาพที่งดงามและเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา

ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม: แสงสีแห่งศรัทธา

ประเพณีไหลเรือไฟ หรือ “เฮือไฟ” ในภาษาถิ่น เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวอีสานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในจังหวัดนครพนมและจังหวัดริมแม่น้ำโขงอื่นๆ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ประเพณีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานทีในประเทศอินเดีย และเพื่อขอขมาต่อพระแม่คงคาที่ได้ใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคมาตลอดทั้งปี

ไฮไลท์ของงานคือการประกวดเรือไฟ ซึ่งชาวบ้านจากแต่ละคุ้มวัดจะร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสรรค์เรือขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ไผ่และวัสดุธรรมชาติ ประดับประดาด้วยตะเกียงและโคมไฟนับหมื่นดวง เรียงร้อยเป็นลวดลายเกี่ยวกับพุทธประวัติและพญานาค เมื่อถึงเวลากลางคืน เรือไฟจะถูกจุดให้สว่างไสวและล่องไปตามลำน้ำโขง สร้างภาพที่งดงามตระการตาจับใจผู้มาเยือน เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะ ความเชื่อ และความสามัคคีของชุมชนได้อย่างน่าทึ่ง

ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค: ความมหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขง

ในคืนวันออกพรรษา ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตจังหวัดหนองคายและบึงกาฬ จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าพิศวงที่เรียกว่า “บั้งไฟพญานาค” ซึ่งเป็นลูกไฟสีชมพูอมแดง ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่น และไม่มีเสียง พวยพุ่งขึ้นจากกลางลำน้ำแล้วหายวับไปในอากาศ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงปีละหนึ่งคืนเท่านั้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลให้เดินทางมาพิสูจน์ด้วยตาตนเอง

ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าบั้งไฟพญานาคเป็นฝีมือของพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล ซึ่งจุดบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา เฉลิมฉลองการเสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้า แม้ว่าในทางวิทยาศาสตร์จะมีความพยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่าอาจเกิดจากก๊าซมีเทนที่ผุดขึ้นจากใต้น้ำและทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ แต่ความเชื่อและตำนานเกี่ยวกับพญานาคก็ยังคงฝังรากลึกและเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เทศกาลนี้เต็มไปด้วยความขลังและความน่าค้นหา

ประเพณีรับบัว หนึ่งเดียวในโลก ณ บางพลี

ประเพณีรับบัวเป็นประเพณีท้องถิ่นที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก จัดขึ้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ก่อนวันออกพรรษา 1 วัน ตำนานเล่าว่า ชาวมอญและชาวไทยในพื้นที่ต่างมีน้ำใจไมตรีต่อกัน โดยชาวมอญจะเก็บดอกบัวในท้องทุ่งมาให้ชาวไทยเพื่อนำไปบูชาพระในวันออกพรรษา จนกลายเป็นประเพณีสืบต่อกันมา

ประเพณีรับบัวสะท้อนถึงความมีน้ำใจไมตรีและความผูกพันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมาเป็นเวลายาวนาน

กิจกรรมสำคัญคือการอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือและแห่ไปตามคลองสำโรง เพื่อให้ประชาชนที่อยู่สองฝั่งคลองได้นมัสการและร่วมบุญด้วยการโยนดอกบัวลงไปในเรือ จนกระทั่งดอกบัวท่วมท้นองค์หลวงพ่อโต เป็นภาพที่แสดงถึงพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่และเป็นเอกลักษณ์ที่หาชมได้ยาก

ประเพณีชักพระและลากพระ: มรดกวัฒนธรรมแห่งแดนใต้

หลังวันออกพรรษา 1 วัน ชาวบ้านในภาคใต้จะร่วมกันจัดประเพณีชักพระ หรือ ลากพระ ซึ่งเป็นการสืบทอดประเพณีที่จำลองเหตุการณ์ที่พุทธสาวกอัญเชิญพระพุทธเจ้าลงจากบันไดสวรรค์ โดยประเพณีนี้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักคือ การชักพระทางน้ำ (มักเรียกว่า ชักพระ) และการชักพระทางบก (มักเรียกว่า ลากพระ)

ในงานจะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐานบนบุษบกหรือ “นมพระ” ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม หากเป็นทางบกก็จะใช้รถหรือคนลากไปตามถนนสายต่างๆ หากเป็นทางน้ำก็จะนำบุษบกไปตั้งบนเรือแล้วลากไปตามลำน้ำ โดยมีเรือพายของชาวบ้านร่วมขบวนอย่างคึกคัก จังหวัดที่มีการจัดงานประเพณีชักพระอย่างยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงคือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีการประกวดเรือพระและขบวนแห่อย่างสวยงาม เป็นศูนย์รวมจิตใจและความสามัคคีของคนในชุมชน

เทศกาลกินเจ: อิ่มบุญ ชำระร่างกายและจิตใจ

แม้จะไม่ได้เชื่อมโยงกับวันออกพรรษาโดยตรง แต่เทศกาลกินเจเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญที่มักจะสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยในปี 2568 คาดว่าจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นเทศกาลที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศไทย

ความเป็นมาและหลักปฏิบัติ: 9 วันแห่งการถือศีล

เทศกาลกินเจ หรือ “ประเพณีถือศีลกินผัก” มีรากฐานมาจากความเชื่อของลัทธิเต๋า เพื่อบูชาเทพเจ้าดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ ผู้เข้าร่วมจะถือศีล งดเว้นจากการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผักที่มีกลิ่นฉุน 5 อย่าง (กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว, กุยช่าย, ใบยาสูบ) เป็นเวลา 9 วันติดต่อกัน

นอกจากการละเว้นอาหารแล้ว ผู้ถือศีลกินเจยังต้องสำรวมกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และมักจะนุ่งขาวห่มขาวเพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ การปฏิบัติตนเช่นนี้เชื่อว่าจะช่วยชำระล้างร่างกายและจิตใจให้สะอาด ก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่

ไฮไลท์เทศกาลกินเจในประเทศไทย

สองพื้นที่หลักในประเทศไทยที่จัดเทศกาลกินเจอย่างยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงระดับโลกคือจังหวัดภูเก็ตและย่านเยาวราชในกรุงเทพมหานคร

จังหวัดภูเก็ต: ได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นตำรับของประเพณีถือศีลกินผักในประเทศไทย ไฮไลท์สำคัญคือ “พิธีอิ้วเก้ง” หรือขบวนแห่พระรอบเมือง ซึ่งจะมี “ม้าทรง” ที่เชื่อว่าเป็นร่างประทับของเทพเจ้า ทำการแสดงอภินิหารด้วยการใช้อาวุธหรือของมีคมทิ่มแทงร่างกาย เช่น การใช้เหล็กแหลมแทงกระพุ้งแก้ม การเดินลุยไฟ หรือการปีนบันไดมีด ซึ่งเชื่อว่าเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ที่เข้าร่วมพิธี แม้จะดูน่าหวาดเสียว แต่ก็เป็นภาพสะท้อนของความศรัทธาอันแรงกล้า

เยาวราช กรุงเทพฯ: ถนนเยาวราชจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามจากธงเจที่ประดับประดาไปทั่วทั้งสาย สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าที่จำหน่ายอาหารเจนานาชนิด ตั้งแต่อาหารคาวหวานไปจนถึงของว่าง ทำให้เป็นสวรรค์ของนักชิม นอกจากนี้ ศาลเจ้าต่างๆ ในย่านเยาวราชจะจัดพิธีกรรมทางศาสนา มีผู้คนหลั่งไหลมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันอย่างเนืองแน่น บรรยากาศโดยรวมจะเต็มไปด้วยความคึกคักและพลังแห่งศรัทธา

การเตรียมตัวและข้อควรรู้สำหรับนักท่องเที่ยว

การเข้าร่วมเทศกาลในเดือนตุลาคม 2568 จะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ หากมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างเหมาะสม

การวางแผนการเดินทางและที่พัก

เนื่องจากเทศกาลสำคัญ เช่น ไหลเรือไฟนครพนม บั้งไฟพญานาคหนองคาย และกินเจภูเก็ต เป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงควรวางแผนการเดินทางและจองที่พักล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อให้ได้ที่พักในทำเลที่ดีและราคาที่เหมาะสม การเดินทางโดยเครื่องบินหรือรถไฟไปยังจังหวัดใกล้เคียงแล้วต่อรถโดยสารสาธารณะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้

ข้อควรปฏิบัติเมื่อเข้าร่วมงานประเพณี

  • การแต่งกาย: ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะเมื่อเข้าร่วมพิธีกรรมในวัดหรือศาลเจ้า สำหรับเทศกาลกินเจ การสวมชุดสีขาวถือเป็นการให้เกียรติและปฏิบัติตามธรรมเนียม
  • ความเคารพ: แสดงความเคารพต่อพิธีกรรม สถานที่ และความเชื่อของคนในท้องถิ่น ควรสำรวมกิริยาและไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้ที่กำลังประกอบพิธี
  • ตรวจสอบข้อมูล: กำหนดการของงานเทศกาลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานการท่องเที่ยวหรือผู้จัดงานในพื้นที่ก่อนออกเดินทาง
  • ความปลอดภัย: ในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น ควรระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัว และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย

บทสรุป: สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมไทยในเดือนตุลาคม

เดือนตุลาคม 2568 นับเป็นช่วงเวลาทองของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศไทยอย่างแท้จริง เป็นโอกาสอันดีที่จะได้สัมผัสกับรากฐานทางความเชื่อและประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ความศรัทธาในพุทธศาสนาที่ปรากฏผ่านงานออกพรรษาทั่วทุกภูมิภาค ไปจนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมในเทศกาลกินเจ

แต่ละเทศกาลไม่เพียงแต่มอบความสวยงามตระการตาและความสนุกสนาน แต่ยังบอกเล่าเรื่องราว วิถีชีวิต และจิตวิญญาณของผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆ การเข้าร่วมงานประเพณีเหล่านี้จึงเป็นมากกว่าการท่องเที่ยว แต่คือการเรียนรู้และซึมซับมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ ดังนั้น การวางแผนการเดินทางของคุณล่วงหน้าเพื่อสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าเหล่านี้ในเดือนตุลาคม 2568 จึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

สั่งเสื้อ

ตุลาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031